ชุดสืบสวนนครบาลร่วมกับฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก ตามรวบหนุ่มไรเดอร์สุดแสบ สวมรอยเป็นเจ้าของนาฬิกา “ปาเต๊ะ ฟิลลิปส์” มูลค่า 2.4 ล้านบาท ขอยกเลิกส่งพัสดุให้ลูกค้าที่สั่งซื้อ เนื่องจากลูกค้าไม่ชำระเงิน ก่อนรีบเอานาฬิกาไปขายได้ค่าจ้าง 1.5 หมื่นบาท ขณะที่เจ้าของนาฬิกาตัวจริงพอรู้ลมแทบจับรีบหอบหลักฐานไปแจ้งความกระทั่งตามจับได้ ชุดจับกุมอยู่ระหว่างขยายผลทลายยกแก๊งรวบหนุ่มแสบขบวนการหลอกซื้อนาฬิกาหรู เปิดเผยเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 28 มิ.ย. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่า สั่งการให้ พ.ต.ท.ธีวร์ราธิป ชูดวง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ร่วมกับ พ.ต.ท.พลกฤต ธรรมสาส์น รอง ผกก.สส.สน.หัวหมาก พ.ต.ท.บำเพ็ญ นามฉวี สว.สส.สน.หัวหมาก นำกำลังตำรวจชุดสืบสวน บก.สส.บช.น.และฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก จับกุมนายนันทวัฒน์ คุ้มกุมาร อายุ 35 ปี หนุ่มไรเดอร์ อยู่บ้านเลขที่ 7/169 แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กทม. ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2937/2567 ลงวันที่ 21 มิ.ย.67 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น จับกุมผู้ต้องหาได้ภายในซอยลาดพร้าว 136 แยก 1 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 27 มิ.ย.สืบเนื่องจากผู้เสียหายเข้าพบพนักงานสอบสวนสน.หัวหมาก แจ้งว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ค. เวลาประมาณ 14.00-15.00 น. มีชายไม่ทราบชื่อใช้โทรศัพท์ติดต่อมาขอซื้อนาฬิกายี่ห้อ PATEK PHILIPPE รุ่น 5165 A-001 สีเงินสายยางสีดำ ตกลงซื้อ-ขาย กันราคา 2,400,000 บาท ต่อมาวันที่ 14 พ.ค.67 เวลา 11.50 น. ผู้เสียหายนำนาฬิกาไปส่งพัสดุที่ร้านขนส่งพัสดุเอกชน ในซอยรามคำแหง 21 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. ระบุผู้รับชื่อ น.ส.นาราทิพย์ เตชะวัช บ้านเลขที่ 172 หมู่ 9 ต .นาสาร อ .พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ระหว่างรอผู้ซื้อโอนเงินเข้าบัญชี มีนายนันทวัฒน์ คุ้มกุมาร หนุ่มไรเดอร์สวมรอยแสดงตัวเป็นเจ้าของนาฬิกากับเจ้าของบริษัทขนส่งพัสดุดังกล่าว อ้างว่าไม่ต้องการส่งสินค้าแล้วต้องการนำนาฬิกาคืน พนักงานร้านจึงส่งมอบนาฬิกาเรือนดังกล่าวคืนให้ คล้อยหลังไม่นานผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของนาฬิกาตัวจริงเดินทางมาขอยกเลิกการส่งพัสดุเนื่องจากผู้ซื้อไม่โอนเงินให้ตามที่ตกลง ทำให้ทราบว่ามีผู้สวมรอยขอรับนาฬิกาคืนไปแล้ว จึงรีบเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก กระทั่งจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ดังกล่าวสอบสวนเบื้องต้นนายนันทวัฒน์รับสารภาพว่า รับการว่าจ้างจากชายคนหนึ่งให้ไปรับนาฬิกาที่บริษัทขนส่งพัสดุเอกชนดังกล่าว จากนั้นได้เอานาฬิกาไปขายที่ร้านรับซื้อนาฬิกาชื่อดังละแวกเซ็นทรัลลาดพร้าว ราคา 1,030,000 บาท ผู้ต้องหาได้ค่าจ้าง 15,000 บาทและโอนเงินที่เหลือจำนวน 1,015,000 บาท ไปให้ผู้ว่าจ้างด้าน พล.ต.ต.ธีรเดชกล่าวว่า สั่งการให้ชุดจับกุมขยายผลถึงตัวการฉ้อโกงและผู้รับซื้อนาฬิกา การจะซื้อขายต้องตรวจสอบผู้รับซื้อให้ละเอียด โดยเฉพาะสินค้าที่มีราคาแพงควรส่งมอบโดยตรงกับผู้ซื้อและต้องได้รับเงินก่อน เพราะมิจฉาชีพมักแฝงตัวมาในหลายรูปแบบ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อต้องตรวจสอบให้รอบคอบ ขอฝากถึงร้านรับส่งสินค้าต้องตรวจสอบบัตรประชาชนให้ตรงกับบุคคลที่มาติดต่อ รวมทั้งติดตั้งกล้องวงจรปิดให้เป็นมาตรการสำคัญในการป้องกันและปราบปรามคนร้าย เบื้องต้นคุมตัวผู้ต้องหาพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก เพื่อดำเนินคดีอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่