ตำรวจไซเบอร์ตามลากคอบัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2 ราย รายแรกสาวใหญ่ชาวหนองคาย เครือข่ายแก๊งตุ๋นอดีตหัวหน้างาน กฟผ.วัย 81 ปี สวมรอยเป็นตำรวจวิดีโอคอลมาหลอกลวงว่ามีเงินทุจริตจากหน่วยราชการเข้ามาในบัญชี ต้องโอนเงินเข้าไปตรวจสอบ เจ้าตัวหลงเชื่อโอนให้ไปจนหมดตัวกว่า 22 ล้านบาท อีกรายรวบสองผัวเมียนายหน้าบัญชีม้า แก๊งนายทุนชาวจีนเปิดบริษัททนายความรับว่าความในต่างประเทศ เชิดเงินเหยื่อกว่า 5 ล้านบาท สารภาพรับค่าจ้างบัญชีละ 5,000 บาทปฏิบัติการกวาดล้างบัญชีม้าเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เปิดเผยเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 นำกำลังพร้อมหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี เข้าจับกุมตัวนางอัจฉรา คุณเทพ อายุ 54 ปี ชาว จ.หนองคาย ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีพล.ต.ท.วรวัฒน์เผยว่า เมื่อเดือน พ.ค. นายไพรสัณต์ อายุ 81 ปี ผู้เสียหาย เป็นอดีตหัวหน้างานด้านวางแผนธุรกิจสายงานด้านเชื้อเพลิง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ถูกมิจฉาชีพแต่งกายเป็นตำรวจวิดีโอคอลมาหลอกว่า บัญชีธนาคารของผู้เสียหายพัวพันกับการทุจริตในหน่วยงานราชการ มีผู้ร่วมทุจริตเป็นข้าราชการกว่า 100 คน นำเงินมาฝากผ่านบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย เงินในบัญชีต้องตกเป็นของกลางในคดีอาญา หากต้องไปสอบสวนที่โรงพักจะลำบาก จึงแนะนำให้ผู้เสียหายทำตามขั้นตอน ติดต่อกันผ่านทางไลน์ มีการส่งรูปภาพอ้างเป็นคำสั่งศาล และคำสั่งสำนักงาน ป.ป.ช. ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัว หลงเชื่อโอนเงินไปให้ 19 ล้านบาท มิจฉาชีพยังหลอกให้ผู้เสียหายจำนองขายฝากบ้านอีก 3 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย โอนเงินไปจนหมดตัวรวมกว่า 22 ล้านบาท มิจฉาชีพยังแจ้งให้โอนเงินค่าค้ำประกันทรัพย์สินที่โอนมาอีก 2.2 ล้านบาท แต่ผู้เสียหายไม่มีเงินแล้วเลยโทรศัพท์ปรึกษาลูกชายที่อยู่ต่างประเทศ รู้ว่าพ่อถูกมิจฉาชีพหลอกรีบเดินทางกลับไทยพาพ่อเข้าแจ้งความที่ บก.สอท.2ผบช.สอท.เผยต่อไปว่า ต่อมา พ.ต.อ.จักรกฤช ศรีโรจนากูร ผกก.2 บก.สอท.2 พร้อมชุดสืบสวน สืบทราบว่า นางอัจฉรากับพวกรวม 8 คน เป็นผู้ร่วมขบวนการแก๊งมิจฉาชีพกลุ่มนี้ ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับและติดตามจับกุมตัวนางอัจฉราได้ในพื้นที่ จ.หนองคาย สอบสวนให้การยอมรับว่าได้เปิดบัญชีให้ผู้อื่นนำไปใช้ โดยไม่รู้ว่าจะถูกนำไปใช้ในการกระทำผิด นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป อีกราย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 นำกำลังชุดสืบสวนพร้อมหมายจับของศาลอาญา เข้าจับกุมนายพิทยา เกตุคำขวา อายุ31ปี และ น.ส.สมหญิง พักตร์ประดิษฐ์ อายุ 30 ปี สองสามีภรรยา ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 10 เล่ม และบัตรเอทีเอ็ม 5 ใบพล.ต.ท.วรวัฒน์กล่าวว่า เมื่อเดือน ต.ค.66 ผู้เสียหายค้นหาเว็บไซต์บริษัททนายความที่สามารถดำเนินการฟ้องร้องคดีในต่างประเทศได้ พบลิงก์รายละเอียดภาษาจีนก่อนติดต่อกับผู้ใช้งานผ่านทาง Whatsapp อีกฝ่ายอ้างเป็นทนายความอยู่ฮ่องกง หลังพูดคุยรายละเอียดแจ้งให้ผู้เสียหายชำระค่าดำเนินการไปยังบัญชีปลายทางอยู่ประเทศตุรกี รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5,348,900 บาท จากนั้นไม่สามารถติดต่อได้จึงรู้ว่าถูกมิจฉาชีพหลอกลวง เข้าแจ้งความที่ บก.สอท.1 ต่อมาตำรวจสืบสวนจนทราบว่านายพิทยา และ น.ส.สมหญิง สองสามีภรรยาเป็นผู้ร่วมขบวนการกับนายทุนชาวจีนที่อยู่ต่างประเทศ ทำหน้าที่นายหน้าจัดหาบัญชีม้า จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ และไปจับกุมตัวได้ที่ห้องเลขที่ 360 อาคารซี การ์เด้นคอร์ท ซอยราษฎร์บูรณะ 32 เขตราษฎร์บูรณะ กทม.สอบสวนผู้ต้องหาสารภาพว่า เข้าไปหางานในกลุ่มเฟซบุ๊กดาร์กเว็บสายเทาบัญชีม้า มีบุคคลอ้างชื่อเจฟ สัญชาติจีน อยู่ต่างประเทศ ว่าจ้างให้เป็นคนกลางเปิดบัญชีเงินฝากในรูปแบบบริษัทออนไลน์ ต่อมามีไรเดอร์นำสมุดบัญชี โทรศัพท์ ซิมการ์ด บัตรเอทีเอ็ม ใบจดทะเบียนบริษัท พร้อมตรายางประทับมาให้เปิดบัญชีผ่านทางออนไลน์ ได้รับค่าจ้างบัญชีละ 5,000 บาท เปิดมาแล้ว 10 บัญชี เมื่อเปิดเสร็จแล้วจะมีไรเดอร์มารับไป หลังสอบปากคำนำตัวส่งดำเนินคดีต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่