หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า กฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1523 ขัดรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดความโกลาหล เพราะเข้าใจผิดว่า ต่อไปนี้ฟ้องชู้ไม่ได้แล้ว?!ดร.สมบัติ วงศ์กำแหง อดีตเลขาธิการสภาทนายความ ชำแหละผลพวงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่า ทันทีที่ศาลมีคำวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1523 วรรคสอง ขัดรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพ?!มติเอกฉันท์บังคับให้มีผลเมื่อพ้น 360 วัน ทำให้หลายคนตีความกันผิดๆว่า ต่อไปนี้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากชู้ไม่ได้แล้ว!!ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยดังกล่าว เนื่องจากบุคคลย่อมเสมอกันตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นที่มาตรา 1523 บัญญัติให้สิทธิสามีมากกว่าภริยา อาทิ สามีมีเมียเก็บได้ถ้าไม่เปิดเผย แต่สามีฟ้องผู้ล่วงละเมิดภริยาได้แม้ไม่เปิดเผย ทำให้สิทธิไม่เท่าเทียมกัน จึงขัดรัฐธรรมนูญ?เมื่อกฎหมายขัดต่อรัฐธรรมนูญ เป็นหน้าที่ของรัฐต้องแก้กฎหมายให้เท่าเทียมกัน?ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. วุฒิสภาผ่านร่างพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม ให้ทั้งเพศหญิงเพศชายและเพศอื่นๆมีสิทธิสมรสได้ อันเป็นการรับรองสิทธิของ LGBTQ แล้วหลังจากนี้คู่สมรสอาจเป็นชายกับชายหรือหญิงกับหญิง ใครจะเป็นสามีภริยาต้องไปตกลงกัน ชู้ของสามีและภริยาอาจเป็นหญิงหรือชายก็ได้ ถือว่าทำร้ายจิตใจและหมิ่นศักดิ์ศรีคู่สมรสที่จดทะเบียนเช่นกันดังนั้น กฎหมายจึงต้องรับรองสิทธิให้เรียกค่าเสียหายจากใครก็ได้ ที่บังอาจเป็นชู้กับคนอื่น!เหลือบไปเห็นร่างแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์(ฉบับที่...) พ.ศ. ในรายงานผลการรับฟังความเห็น เป็นร่างที่มีเนื้อหาการสมรสเท่าเทียมที่ผ่านสภาแล้ว มีผลหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา 120 วันพบว่า มีการแก้ไขมาตรา 1523 ไว้ตามหลักการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้เช่นกันระยะเวลาการแก้ไขกฎหมายให้แล้วเสร็จภายใน 360 วัน ก่อนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญจะมีผล จึงไม่น่ามีปัญหาที่จะให้กฎหมายที่แก้ไขใหม่นี้มีผลใช้บังคับ?ยืนยันครับ คู่สมรสยังมีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากชู้ได้ แต่ไม่เหมือนเดิมเพราะกฎหมายใหม่จะคุ้มครองมากกว่าเดิม คุ้มครองไปถึงกลุ่มหลากหลายทางเพศด้วย...สหบาทคลิกอ่านคอลัมน์ “ส่องตำรวจ” เพิ่มเติม