พบแล้วจิงโจ้แดงหลุดออกจากกรงสวนสัตว์เชียงใหม่ เจอซากพลัดตกน้ำตายในลำห้วยช่างเคี่ยน เขตอุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ห่างจากสวนสัตว์ 1.8 กม. หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังตามหาเกือบ 2 วัน ด้าน ผอ.สวนสัตว์ฯนำทีมแถลงไม่พบเขี้ยวหรือโดนสัตว์ทำร้าย มีแค่รอยขีดข่วน คาดตายจากจมน้ำลึก 1 เมตร ทำให้จิงโจ้ ไม่สามารถกระโดดขึ้นมาได้ ก่อนส่งซากผ่าพิสูจน์อวัยวะภายในหาสาเหตุแท้จริงอีกครั้งเจ้าหน้าที่สวนสัตว์เชียงใหม่ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ระดมค้นหาจิงโจ้แดงเพศเมีย อายุ 2 ปี 6 เดือน หลังหลุดจากกรงเลี้ยงในโซนสัตว์ออสเตรเลีย ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ในเวลา 07.50 น. วันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่พี่เลี้ยงเข้าไปทำความสะอาด ก่อนกระโดดหนีเตลิดเข้าป่าดอยสุเทพแต่ไม่พบตัว เจอเพียงรอยเท้าและรอยเลือดริมลำห้วยช่างเคี่ยน เจ้าหน้าที่เร่งติดตาม ทุกวิถีทาง เนื่องจากเกรงว่าจิงโจ้ใช้พละกำลังมาก อาจทำให้หัวใจและไตวายตายได้ความคืบหน้าตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 30 พ.ค. นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ ร่วมกับนายภูพิชิต ช่วยบำรุง หัวหน้าอุทยานฯดอยสุเทพ-ปุย ระดมเจ้าหน้าที่พลออกค้นหาจิงโจ้แดง มีกำลังพลจากทหารมณฑลทหารบกที่ 33 รวม 40 นาย มาช่วยวางแผนออกปฏิบัติการตามหา พร้อมกันนี้ใช้โดรนบินสำรวจไม่พบตัวจิงโจ้แดง เนื่องจากสภาพป่าเป็นป่าสมบูรณ์เขียวขจี ประกอบกับจิงโจ้แดงตัวเล็ก มองไม่เห็น เจ้าหน้าที่ต้องยุติการบินก่อนปรับแผนส่งกำลังเสริมอีก 1 ชุดไปช่วยแกะรอยจิงโจ้แดงนายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า การค้นหาจิงโจ้แดงเริ่มจากที่จิงโจ้เริ่มออกจากสวนสัตว์ สวนสัตว์ประสานอุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ออกค้นหามาอย่างต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้ยังไม่พบจิงโจ้แดง ช่วงเช้าได้บูรณาการค้นหาอีก 4 ชุด ในการปฏิบัติการครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตีวงคลุมรัศมี 3,700 กว่าไร่ 6 ตารางกิโลเมตร ขยายผลไปได้พอสมควร ล่าสุดพบร่องรอยว่าจิงโจ้แดงข้ามห้วยช่างเคี่ยนไปแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ตามจากรอยเท้าจิงโจ้ไป แต่ก็ยังไม่เจอ“ขณะนี้ได้แต่กังวลว่าจิงโจ้แดงจะใช้พลังงานในร่างกายเยอะจะทำให้ระบบภายในจะดึงพลังงานต่างๆมาใช้จะทำให้กล้ามเนื้อสลาย ถ้าหากกล้ามเนื้อสลายก็จะทำให้ร่างกายอ่อนแอกว่าปกติ อวัยวะการทำงานจะเสื่อมลง ตรงนี้น่าจะกังวลมาก ส่วนของอาหารเจ้าหน้าที่ไม่กังวล เพราะจิงโจ้แดงกินใบไม้และหญ้าได้ เรื่องของอาหารกังวลน้อยกว่าปัญหาสุขภาพที่อาจทำให้จิงโจ้อ่อนแรง” ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่กล่าว ด้านสัตวแพทย์หญิงกรรณิการ์ จันทรังษี รักษาการหัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์วิจัยและสุขภาพสัตว์ สวนสัตว์เชียงใหม่ กล่าวว่า ขอให้เจ้าหน้าที่เจอตัว จิงโจ้แดงโดยเร็วที่สุด เพราะจิงโจ้ไม่เคยออกไปพื้นที่ป่า เคยอยู่แต่คอกกัก ส่วนร่องรอยเลือดที่พบยังไม่แน่ใจว่าใช่เลือดจิงโจ้หรือไม่ เป็นห่วงเรื่องการกระโดดของจิงโจ้แดงที่จะไปเจอโขดหินหรือลวดหนาม อาจได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้กังวลเรื่องความตกใจของจิงโจ้แดง ถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกไล่ต้อนจากฝูงสุนัขในพื้นที่หรือสัตว์อื่นๆอย่างต่อเนื่องตลอดทางโดยไม่ได้พักผ่อนเลย อาจจะมีผลต่อร่างกาย กล้ามเนื้อสลายและอวัยวะภายในที่จะอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ก็จะเข้าสู่ภาวะของไตวายเฉียบพลันได้ต่อมาเวลา 14.30 น. มีรายงานว่าชุดปฏิบัติการค้นหาจิงโจ้แดงของสวนสัตว์เชียงใหม่และอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย พบซากจิงโจ้แดงตกน้ำบริเวณด้านล่างน้ำตกห้วยช่างเคี่ยน ใกล้กับจุดที่พบรอยเลือดและรอยเท้าของจิงโจ้เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา ซากจิงโจ้จมน้ำอยู่ในน้ำตก เบื้องต้นคาดว่าอาจมาจากอาการบาดเจ็บและพลัดตกลงไปในน้ำตกที่มีความสูงจนตาย ทั้งนี้ หลังพบซากจิงโจ้แดง นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่นำทีมสัตวแพทย์ เข้าไปนำซากจิงโจ้ออกมาจากจุดเกิดเหตุขึ้นรถพยาบาลสัตว์นำซากไปผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลสัตว์ของสวนสัตว์เชียงใหม่จากนั้นเวลา 16.30 น. นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ พร้อมด้วยสัตวแพทย์หญิงกรรณิการ์ จันทรังษี รักษาการหัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์และวิจัยสุขภาพสัตว์ สวนสัตว์เชียงใหม่ และนายภูพิชิต ช่วยบำรุง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ร่วมกันแถลงข่าวหลังพบซากจิงโจ้แดงตายนายวุฒิชัยกล่าวว่า หลังจากสวนสัตว์เชียงใหม่และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ระดมค้นหาจิงโจ้แดงตั้งแต่หลุดออกไป กระทั่งบ่ายวันนี้เวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่พบจิงโจ้แดงนอนตาย พบซากในน้ำลำห้วยช่างเคี่ยน เขตอุทยานดอยสุเทพ-ปุย ห่างจากสวนสัตว์เชียงใหม่ระยะทาง 1.8 กม.ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่กล่าวอีกว่า จุดที่พบจิงโจ้แดงตายมีลักษณะพื้นที่เป็นโขดหินขนาดใหญ่ มีร่องน้ำลึก 1 เมตรโดยประมาณ สภาพพื้นที่ปกคลุมไปด้วยพงหญ้าและต้นไม้ใหญ่หนาทึบ จากการตรวจสอบซากในเบื้องต้นพบรอยขีดข่วน แต่ไม่พบเขี้ยวหรือโดนสัตว์ทำร้าย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าสาเหตุที่จิงโจ้แดงตายมาจากจมน้ำตาย เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้เป็นน้ำตกและลำธาร และมีหญ้าปกคลุม เป็นพื้นที่ป่า จิงโจ้แดงน่าจะตายจากการตกน้ำ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการชันสูตรหาสาเหตุการตายอีกครั้ง รวมทั้งต้องสอบสวนหาคนรับผิดชอบเพื่อลงโทษตามระเบียบต่อไปด้านสัตวแพทย์หญิงกรรณิการ์ กล่าวว่า จากสภาพที่พบซากจิงโจ้แดงที่อยู่ในน้ำเป็นสภาพที่มีหญ้าปกคลุม จิงโจ้เป็นสัตว์ที่ว่ายน้ำไม่เก่ง ถ้าหากมีผักตบหรือวัชพืชจะทำให้จิงโจ้แดงดีดตัวขึ้นได้ยาก ประกอบกับความลึกของระดับน้ำตรงนั้นลึกมากกว่า ความสูงของจิงโจ้ ไม่สามารถกระโดดตัวขึ้นได้ง่าย ตลิ่งด้านข้างก็ค่อนข้างชัน ทุกอย่างเป็นปัจจัยทำให้จิงโจ้แดงขึ้นจากน้ำได้ยากมาก ส่วนภาวะกล้ามเนื้อสลายยังไม่สามารถระบุได้ ต้องรอผลผ่าซากชันสูตรอวัยวะภายในก่อน คาดว่าจะทราบผลประมาณ 1 สัปดาห์อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่