คนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติยังสนุกสุดเหวี่ยงกับการสาดน้ำในเทศกาลสงกรานต์ 2567 ทั้งภาครัฐ-เอกชนทั่วประเทศพร้อมใจจัดอย่างใหญ่ ขณะที่ สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนยังไม่แผ่ว 3 วัน ยอดตายสะสมทะลุไป 116 ศพ เจ็บเฉียด 1 พันคน โดย กทม.ครองแชมป์ตายสะสม ควบคดีเมาแล้วขับ ส่วนภาพรวมทั้งประเทศจับกุมเมาแล้วขับ 11,854 ราย ด้านรองปลัด ก.คมนาคม บี้เจ้าหน้าที่ขยายผลเอาผิดคนขายน้ำเมาให้เยาวชนเข้าสู่ครึ่งหลังของช่วงเฝ้าระวังอันตรายจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2567 ที่ยอดผู้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางถนนยังพุ่งไม่หยุด รวมถึงผู้ขับขี่ยวดยานที่ถูกจับฐานเมาแล้วขับมีแต่เพิ่มขึ้น 3 วันตายรวม 116 ศพที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เมื่อวันที่ 14 เม.ย.ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2567 สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 13 เม.ย.2567 เกิดอุบัติเหตุ 392 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 411 คน ผู้เสียชีวิต 48 ราย สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 3 วันของการรณรงค์ (11-13 เม.ย.2567) เกิดอุบัติเหตุรวม 936 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 968 คน ผู้เสียชีวิต รวม 116 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 28 จังหวัดกทม.แชมป์ตายสะสมนายวิทยา ยาม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานแถลงผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 เปิดเผยว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 40.05 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 27.81 ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 16.84 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 85.50 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 81.63 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 35.97 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 30.10 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 18.01-19.00 น. ร้อยละ 9.18 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 30-39 ปี ร้อยละ 18.52 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราชและสงขลา 19 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ สงขลา 23 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (4 ราย) สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 3 วันของการรณรงค์ (11-13 เม.ย.2567) เกิดอุบัติเหตุรวม 936 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 968 คน ผู้เสียชีวิต รวม 116 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 28 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราชและสงขลา 39 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ สงขลา 45 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 8 รายเอาผิดขายน้ำเมาให้เยาวชนนายวิทยากล่าวว่า วันที่ 14 เม.ย.ถือเป็นวันครอบครัว ประชาชนมีการรวมตัวกันรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุและผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ทำให้มีการเดินทางบนถนนระหว่างจังหวัด อำเภอ หมู่บ้าน ชุมชน มากขึ้น รวมถึงมีการสังสรรค์ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเล่นน้ำสงกรานต์ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ศปถ.ประสานจังหวัดกำชับเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจและด่านชุมชนให้กวดขันพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว การใช้อุปกรณ์นิรภัย การขับขี่ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอันตราย และการบรรทุกผู้โดยสารท้ายรถกระบะเล่นน้ำสงกรานต์ รวมถึงคุมเข้มการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น และห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี หากพบเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี ดื่มแล้วขับจนทำให้เกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิต ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสืบสวนและขยายผลไปยังผู้ที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ตลอดจนพิจารณาใช้บทลงโทษสูงสุดตามกฎหมายกับผู้ขับขี่ที่กระความผิดซ้ำ ภาพรวมสาดน้ำเรียบร้อยดีต่อมาที่ ศปก.ตร. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวถึงเทศกาลสงกรานต์ในวันแรกที่ทุกพื้นที่มีการเปิดให้เล่นน้ำว่า ภาพรวมด้านการดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั่วประเทศ เบื้องต้นได้รับรายงานว่า เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี ส่วนภาพรวมการติดตามสถานการณ์อุบัติเหตุและการจราจร ช่วงเทศ กาลสงกรานต์ 2567 ช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้น สามวันแรก ระหว่างวันที่ 11-13 เม.ย.สถิติการเกิดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตของเทศกาลสงกรานต์ลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะการเข้มงวดของการบังคับใช้กฎหมายและประชาชนให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมาย เพิ่มวินัยจราจรจับเมาขับกว่า 1.1 หมื่นรายสำหรับสถิติการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์สะสมระหว่างวัน 11-13 เม.ย. เกิดอุบัติเหตุทั้งหมด 936 ครั้ง ลดลงร้อยละ 12.61 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตสะสม 116 ราย ลดลงร้อยละ 10.77 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ผู้บาดเจ็บสะสม 968 คน ลดลงร้อยละ 9.19 ส่วนการจับกุมในคดีเมาแล้วขับสะสม 3 วัน รวม 11,854 ราย สถิติสูงสุดอยู่ในภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ในพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 3 จำนวน 3,266 คน รองลงมาในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 2,651 รายกทม.แชมป์คดีเมาแล้วขับด้านนายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวถึงสถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติวันที่สามของ 7 วันอันตราย วันที่ 13 เม.ย.ว่า มีคดีทั้งสิ้น 249 คดี เป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 242 คดี และคดีขับเสพ 7 คดี สถิติคดีเมาขับยอดสะสม 3 วัน ได้แก่ อันดับหนึ่ง กรุงเทพมหานคร 222 คดี อันดับ 2 จ.เชียงใหม่ 125 คดี และอันดับ 3 จ.นนทบุรี 120 คดี เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีในวันที่ 3 ของ 7 วันอันตรายปี 2566 พบว่า คดีขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 1,845 คดี และปี 2567 จำนวน 242 คดี ลดลง 1,603 คดี คิดเป็นร้อยละ 86.88 สำหรับยอดสะสม 3 วันของ 7 วันอันตราย ตั้งแต่วันที่ 11-13 เม.ย. จำนวน 1,745 คดี แยกเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 1,631 คดี คิดเป็นร้อยละ 92.99 คดีขับรถประมาท 3 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.17 คดีขับเสพ 120 คดี คิดเป็นร้อยละ 6.84ทำบุญไหว้พระก่อนสาดน้ำส่วนบรรยากาศสงกรานต์ตลอดวันที่ 14 เม.ย.ที่เป็นวันครอบครัวด้วย ทำให้ตลอดช่วงเช้าตามวัดวา อารามมีพุทธศาสนิกชนเดินทางกันเป็นครอบครัวมาทำบุญใส่บาตร กราบสักการะขอพรจากพระพุทธรูปสำคัญประจำท้องถิ่นเพื่อความเป็นสิริมงคล อาทิ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ ประชาชนพาครอบครัวมากราบไหว้ขอพรพระพุทธชินราช พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองพิษณุโลก พร้อมถวายสังฆทาน และสรงน้ำพระพุทธชินราชจำลอง รวมถึงมีการรวมตัวกันรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุและผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ก่อนที่จะไปเล่นน้ำสงกรานต์คลายร้อนที่มีการจัดพื้นที่ถนนเอกาทศรถและถนนบรมไตรโลกนารถ ให้เป็นถนนรดน้ำสองแคว เช่นเดียวกับที่ลานพญานาค องค์พญาศรีสัตตนาคราช อ.เมืองนครพนม คึกคักไปด้วยประชาชน นักท่องเที่ยว ทั้งคนไทยและชาวลาว ต่างเดินทางมากราบไหว้ขอพร ก่อนจะเข้าเล่นสาดน้ำสงกรานต์ทั้งที่ถนนข้าวปุ้น ถนนเลียบโขง ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม รวมถึงตามอำเภอต่างๆ ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด อุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ทั่วประเทศยังเล่นน้ำชุ่มฉ่ำจากนั้นตั้งแต่บ่ายยันค่ำทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นถนนที่จัดให้เล่นสาดน้ำ อาทิ ถนนข้าวเหนียว อ.เมืองขอนแก่น ถนนข้าวตอก อ.เมืองสุโขทัย ถนนข้าวโพด อ.เมืองชัยนาท ถนนลอดช่อง อ.เมืองยโสธร ฯลฯ ยังมีนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่ออกมาเล่นสาดน้ำ รวมถึงร่วมปาร์ตี้โฟมกันอย่างสนุกสนาน รวมทั้งที่ จ.เชียงใหม่ จัดให้เล่นสาดน้ำเป็นวันที่สาม นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติออกมาสาดน้ำที่บริเวณริมคูเมืองกันสุดเหวี่ยง โดยก่อนหน้านั้น สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ จัดกิจกรรมฉลองประเพณีสงกรานต์ที่ขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ด้วยการจัดริ้วขบวน 19 ขบวน เปิดเทศกาลสงกรานต์ล้านนาจังหวัดเชียงใหม่ ณ เวทีหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนา การฟ้อนต้อนรับ จากคณะช่างฟ้อน 400 คน ภายในงานมีลานกาดหมั้ว การจัดแสดงนิทรรศการ สาธิตวิถีชีวิตภูมิปัญญา และการแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนา การสาธิตการละเล่นบ่าเก่าล้านนา สาธิตอาหารมงคลปีใหม่เมืองล้านนา บริเวณข่วงตุงล้านนา มีกิจกรรมขนทรายก่อเจดีย์ทรายและอื่นๆอีกมากมาย ณ พุทธสถานจังหวัดเชียงใหม่สาดสนุกกลางแม่น้ำเมยส่วนที่ท่าธรรมชาติบ้านแม่กุท่าซุง หมู่ที่ 9 ต.มหาวัน อ.แม่สอด จ.ตาก แนวชายแดนไทย-เมียนมา ริมแม่น้ำเมย แม่น้ำสายใหญ่ที่กั้นกลางระหว่างพรมแดนไทย-เมียนมา มีการจัดงานสงกรานต์ภายใต้สโลแกน “แม่น้ำเมยสงกรานต์สองแผ่นดิน มิตรภาพแห่งสายน้ำบ้านพี่เมืองน้อง” โดยตั้งแต่เช้า คลื่นมหาชนทั้งคนไทยและชาวเมียนมาหลายพันคนจากฝั่งชายแดนอำเภอแม่สอด และจากฝั่งชายแดนจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา เข้ามาร่วมกิจกรรมสงกรานต์สองแผ่นดินฯอย่างสนุกสนาน โดยบริเวณแนวตลิ่งริมแม่น้ำเมยฝั่งไทยมีการตั้งร้านอาหารพื้นเมือง ส่วนริมตลิ่งแม่น้ำเมยฝั่งประเทศเมียนมา สีสันไม่แพ้กัน มีตั้งซุ้มอาหารพื้นเมืองเมียนมา พร้อมตั้งเวทีตั้งเครื่องเสียงริมแม่น้ำเมย เปิดเพลงเต้นรำกันอย่างสนุกสนานแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 3 ปี หลังประเทศเมียนมาเกิดความไม่สงบภายในประเทศ และสถานการณ์ความตึงเครียดได้ผ่อนคลายลงในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ ส่วนที่จุดกึ่งกลางแม่น้ำเมย คนไทยและคนเมียนมาที่ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวต่างสวมใส่เสื้อผ้าลายดอกสีสันสดใสพาคนในครอบครัวมาร้องรำทำเพลงและลงเล่นสาดน้ำใส่กันอย่างมีความสุขพัทยาสาดน้ำยาวถึงวันไหลที่ถนนวอล์กกิ้งสตรีท เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่พากันถือปืนฉีดน้ำหลั่งไหลเข้ามารวมตัวกันเล่นน้ำตลอดทั้งคืนวันที่ 13 เม.ย. ที่มีการเปิดเทศกาลสงกรานต์ 2567 เป็นวันแรก โดยสถานประกอบการสถานบันเทิงในเขตโซนเมืองพัทยา อาทิ ซอยบัวขาว ซอย 6-8 ถนนเลียบชายหาดเมืองพัทยา และถนนคนเดินวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จะมีนักท่องเที่ยวออกมาเล่นน้ำกันตลอดทั้งวัน ทำให้เมืองพัทยาดูครึกครื้นอย่างเห็นได้ชัด นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ เมืองพัทยาจะมีการเล่นสาดน้ำสงกรานต์กันอย่างจริงจังในช่วงเทศกาลวันไหล แบ่งเป็น 2 ช่วง คือในวันที่ 18 เม.ย. เป็นวันไหลนาเกลือ ส่วนวันที่ 19 เม.ย.เป็นวันไหลของเมืองพัทยา ซึ่งจะมีคนออกมาเล่นน้ำกันทั่วทั้งเมืองLGBTQ+สร้างสีสันสีลมสำหรับการเล่นสาดน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ในจุดหลักคือถนนสีลมและถนนข้าวสารนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการปิดถนนสีลมตั้งแต่เวลา 12.00 น.ตามกำหนด เพื่อให้มีการเล่นน้ำสงกรานต์เป็นวันสุดท้าย โดยมีกลุ่มชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเริ่มทยอยเข้ามาเล่นน้ำสงกรานต์ จากนั้นมีขบวนพาเหรดของกลุ่ม LGBTQ+ ที่เดินขบวนพาเหรดสนับสนุนสมรสเท่าเทียม พร้อมกับมีการเปิดเพลงเต้นรำตามจังหวะดนตรีกันอย่างสนุกสนาน มีการแต่งกายสร้างสีสันแนวแฟนตาซี ทั้งกุมารทอง แม่มด สัตว์นานาชนิด ต่างร่วมเล่นน้ำร่วมกับนักท่องเที่ยวอย่างสนุกสุดเหวี่ยง ซึ่งหลังปิดถนนสีลมทั้ง 2 ฝั่งตั้งแต่ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ไปจนถึงถนนพระราม 4 ระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร และมีการตั้งเวทีให้ศิลปินชื่อดังมาให้ความบันเทิงกันอย่างต่อเนื่อง ก็มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเล่นน้ำในพื้นที่นับหมื่นคนจนแน่นขนัด ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกของเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ยานนาวา สน.บางรัก และเจ้าหน้าที่เขตบางรัก สุดเหวี่ยงจัดที่ถนนข้าวสารขณะที่บรรยากาศในถนนข้าวสาร นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติยังคงปักหมุดเข้าร่วมในแลนด์มาร์กสำคัญของงานสงกรานต์ไทย สำหรับในวันที่ 2 ของการจัดงาน วันที่ 14 เม.ย.ช่วงเย็น-ค่ำ ทั้งถนนข้าวสารและพื้นที่รอบนอกเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวจนเต็มทุกพื้นที่ ท่ามกลางเสียงเพลงในจังหวะเร้าใจที่ทุกร้านรวงเปิดแข่งกันอย่างกระหึ่ม และแม้เจ้าหน้าที่พยายามป่าวประกาศประชาสัมพันธ์ห้ามเล่นแป้ง แต่ยังมีการประแป้งกันอย่างเสรีบริเวณรอบๆถนนข้าวสาร ส่วนข้อห้ามแต่งกายโป๊เปลือยก็เช่นกัน เพราะหญิงสาววัยรุ่นส่วนใหญ่สวมใส่เสื้อสายเดี่ยวรัดรูปเข้ามาเล่นสาดน้ำ เมื่อเปียกน้ำก็โชว์ร่างกายทุกสัดส่วน โดยเฉพาะชาวต่างชาติบางรายถึงกับสวมชุดบิกินีทูพีซมาเล่นน้ำ โยกย้ายส่ายสะโพกตามเสียงเพลงเร้าใจแบบสุดเหวี่ยงคน ตจว.ทยอยกลับกรุงผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังผ่านช่วงหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์มาได้หลายวัน ทำให้ในช่วงค่ำของวันที่ 14 เม.ย.ผู้คนที่ออกเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอีสาน เริ่มเก็บข้าวของสัมภาระทยอยกลับเข้ากรุง เพื่อหนีสภาพการจราจรที่คาดว่าจะติดขัดอย่างหนักหลังจากนี้ ส่งผลให้ถนนมิตรภาพ จาก ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ขาเข้ามาถึง อ.มวกเหล็ก อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เริ่มมีปริมาณยวดยานเพิ่มขึ้น แต่ยังสามารถใช้ความเร็วได้ดี ถึงแม้ว่าในพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นทางลงเนินเขากลางดง เนินเขาจัน เนินเขาวัดซับบอน ทั้ง 3 ลูกก็ตาม ขณะเดียวกัน เมื่อรถวิ่งเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนพหลโยธินเพื่อมุ่งหน้าเข้าเส้นทาง อ.หนองแค จ.สระบุรี อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา สภาพการจราจรมีชะลอตัวเป็นบางช่วงสนามหลวงยังคึกคักส่วนงาน Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 ที่จัดต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 3 บริเวณท้องสนามหลวง ยังคงได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทุกเพศ ทุกวัยเดินทางเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก โดยเฉพาะกลุ่มที่มาแบบครอบครัวและกลุ่มวัยรุ่นที่เสร็จจากการเล่นน้ำสงกรานต์ที่ถนนข้าวสารจนเนื้อตัวเปียกปอน มาร่วมสัมผัสบรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบงานสงกรานต์ไทยๆ ที่มีการแสดงทางวัฒนธรรมจากสงกรานต์สู่ชุดไทยและมวยไทยไปยูเนสโก การแสดงหุ่นศิลป์ทักษิณ (ภาคใต้) นาฏศิลป์หุ่นคนและหุ่นละครเล็ก ฯลฯ รวมถึงการแสดงดนตรีจากศิลปินชั้นนำของประเทศ และการออกร้านจำหน่ายข้าวของต่างๆอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่