ผวจ.สมุทรสาคร ยันต้องขนกากแร่แคดเมียม กลับโรงงานต้นทางที่ จ.ตาก โดยรอง ผวจ.ตาก เข้าตรวจพื้นที่ 2 บ่อกักเก็บเดิมแล้ว ยังมีสภาพสมบูรณ์แข็งแรง ขณะที่กรมควบคุมมลพิษ แจงยิบตรวจพบกากแคดเมียมและสังกะสีที่สมุทรสาครแค่ 3 พันตัน จากที่ขนย้ายมา 1.5 หมื่นตัน พบค่าแคดเมียมสูงปรี๊ด เกินมาตรฐาน 248 เท่า หวั่นการขนย้ายกลับอาจใช้เวลานานกว่าที่กำหนด แนะหาที่เก็บชั่วคราวไปก่อน ด้าน “พิมพ์ภัทรา” ฮึ่ม สั่งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมตั้งกรรมการสอบตามล่ากากแคดเมียมล่องหนนับหมื่นตันให้เจอด่วน พร้อมเร่งขนคืนนำไปฝังกลบที่เดิมให้จบใน 15 วัน ย้ำต้องทำถูกวิธี ห้ามกระทบชุมชน ประชาชนและสิ่งแวดล้อมเด็ดขาด รวมถึงตรวจสอบขั้นตอนการขนย้ายมา หาคนทำผิดมาลงโทษให้ได้ ล่าสุดพบอีก 6,720 ตัน ซ่อน รง.ที่ชลบุรีความคืบหน้าการตรวจพบมีการขนย้ายกากแร่แคดเมียมและสังกะสี จำนวน 15,000 ตัน จากบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ (มหาชน) ใน จ.ตาก มาที่บริษัท เจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด ใน ต.บางน้ำจืด อ.เมืองสมุทรสาคร สร้างความวิตกกังวลอย่างมากให้กับคนสมุทรสาคร โดย รมว.อุตสาหกรรมสั่งอายัด ปิดพื้นที่ห้ามเข้า 90 วัน และเสนอให้ย้ายกากแร่กลับต้นทางภายใน 7 วันนั้น ต่อมาเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 เม.ย. นพ.สุรวิทย์ ศักดานุภาพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) สมุทรสาคร นำเจ้าหน้าที่สสจ.สมุทรสาคร พร้อมทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤติ (MCATT) เข้าเก็บข้อมูลชุมชนโดยรอบ บจ.เจ แอนด์ บี เมททอล โดย นพ.สุรวิทย์ เปิดเผยว่า ลักษณะของชุมชนโดยรอบ ต้นซอยเป็นที่อยู่อาศัยมีประชาชนอยู่อย่างหนาแน่น ทั้งคนไทยและต่างด้าว ส่วนท้ายซอยเป็นโรงงานอุตสาหกรรม ประเภทหล่อหลอมโลหะ เจ้าหน้าที่ สสจ. สมุทรสาคร ได้ให้ความรู้กับประชาชน 34 หลังคาเรือน จำนวน 94 ราย พบที่มีอาการเวียนศีรษะ 1 ราย ไอ คัดจมูก 1 ราย คันตามผิวหนัง 1 ราย จึงให้คำแนะนำและดูแลเบื้องต้น พร้อมนัดหมายประชาชนในพื้นที่เข้ามารับการตรวจสุขภาพ และดำเนินการเฝ้าระวังสุ่มเก็บตัวอย่างปัสสาวะหาสารแคดเมียม ขณะเดียวกันทีม MCATT ประเมินสภาพจิตใจประชาชนผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ พบมีภาวะความเครียดระดับน้อย 32 ราย และไม่พบปัญหาภาวะซึมเศร้านายแพทย์ สสจ.สมุทรสาคร กล่าวเพิ่มเติมว่า วันที่ 9 เม.ย.นี้ เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป จะประชุมเตรียมความพร้อมการลงพื้นที่เชิงรุกในการตรวจสุขภาพของพนักงานที่เหลือ และประชาชนบริเวณใกล้เคียงโรงงาน รวมถึงกลุ่มพนักงานบริษัทที่มีการเก็บตัวอย่างแคดเมียมในปัสสาวะไปแล้วส่วนการขนย้ายกากแร่แคดเมียมออกจากจังหวัดสมุทรสาครนั้น นายผล ดำธรรม ผวจ.สมุทรสาคร เปิดเผยว่าคงยืนยันคำสั่งเดิมที่ประกาศไปแล้ว คือต้องขนย้ายให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน นับตั้งแต่กระทรวงอุตสาหกรรมมีคำสั่งให้ดำเนินการ โดยผู้ประกอบการจังหวัดตาก หรือผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบในการขนย้ายออกมาจากหลุมฝังกลบ จะต้องนำกากทั้งหมดกลับไปที่หลุมฝังกลบในจังหวัดตาก ตามข้อตกลง EIA ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้ขณะเดียวกันที่ จ.ตาก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรพล วงศ์สุขพิศาล รองผู้ว่าฯตาก นำคณะเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางไปยัง บมจ.เบาด์ แอนด์ บียอนด์ เลขที่ 94 หมู่ที่ 1 ถนนพหลโยธิน ต.หนองบัวใต้ อ.เมืองตาก ซึ่งเป็นต้นทางของกากแร่แคดเมียมดังกล่าว โดยนายสุรพลเปิดเผยว่าร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจความพร้อมของสถานที่ที่จะรองรับกากแร่แคดเมียม ที่จะขนย้ายกลับมาตามคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ภายใน 7 วัน ซึ่งคณะทำงานตรวจสอบจุดแรกคือบ่อกักเก็บกากอุตสาหกรรมที่ได้เปิดบ่อ ขุดกากอุตสาหกรรมไปแล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ สภาพความแข็งของพื้นที่บ่อมีความสมบูรณ์แข็งตามมาตรฐาน แม้จะผ่านการใช้งานไปหลายสิบปี และจุดที่ 2 เป็นบ่อที่กำลังเปิดบ่อไปบางส่วน โดยมีการปิดประกาศคำสั่งอุตสาหกรรมจังหวัดตาก ยึดอายัดตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 ห้ามเคลื่อนย้ายกากอุตสาหกรรมอย่างเด็ดขาด ลงวันที่ 4 เมษายน 2567 เพื่อป้องกันอันตรายรองผู้ว่าฯตากกล่าวอีกว่าการตรวจความพร้อมของหลุมฝังกลบกากอุตสาหกรรม โดยรวมทั้ง 2 บ่อ ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่จะให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อจะให้มีความแข็งแรงสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละด้านเข้ามาดูแลอย่างเข้มข้น ส่วนของบ่อที่ 2 ที่อยู่ในขั้นของการเปิดบ่อนั้น จะสั่งการให้ผู้ประกอบการซีลปากบ่อ เพื่อป้องกันมลภาวะเป็นพิษ ในระหว่างขั้นตอนการรอการเคลื่อนย้ายกลับมายังแหล่งกำเนิด และระหว่างดำเนินการจะมีการปิดล้อมพื้นที่เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่นกากอุตสาหกรรมดังกล่าว ขอให้ประชาชนคลายความวิตกกังวล คณะทำงานของจังหวัดจะตรวจสอบดูแลการปฏิบัติการเคลื่อนย้ายมาฝังกลบที่แหล่งกำเนิดทั้ง 2 บ่อ อย่างเข้มงวดและเข้มข้นทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 เม.ย. กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) รายงานผลการตรวจสอบปริมาณกากของเสียแคดเมียมและสังกะสีที่พบในโรงงาน จ.สมุทรสาคร พบว่ามีกากแร่บรรจุในถุงบิ๊กแบ็ก จำนวนทั้งหมด 2,000 ถุง คิดเป็นปริมาณ 3,000 ตัน ส่วนค่าแคดเมียมที่ตรวจพบ ซึ่งแสดงค่าที่สูง เป็นค่าของกากแคดเมียมที่บรรจุในถุงบิ๊กแบ็ก และที่ตกในบริเวณโรงงานขณะที่ผลการตรวจดินภายนอกโรงงาน เมื่อวันที่ 4-5 เม.ย.ในรัศมี 10 เมตร จนถึง 1 กิโลเมตร ตรวจไม่พบการปนเปื้อนแคดเมียม แสดงว่าไม่มีการกระจายตัวออกสู่ภายนอกเพราะเป็นฝุ่นหนัก และจากคำสั่ง จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 4 เม.ย. โรงงานได้ถูกสั่งปิดและหยุดการประกอบกิจการชั่วคราว และมีการควบคุมการเข้าออกอย่างเข้มงวดของคณะตรวจสอบของจังหวัด กากของเสียดังกล่าวจะไม่สามารถหลุดรอดออกมาภายนอกโรงงานได้ สำหรับเศษหรือฝุ่นหนักที่ตกค้าง หากมีความจำเป็นต้องเข้าออกโรงงาน ได้มีคำแนะนำเรื่องการทำความสะอาด ดังนั้นขอให้ประชาชนได้คลายกังวลในเรื่องนี้ส่วนการเก็บตัวอย่างกากแร่แคดเมียมและสังกะสีและตัวอย่างคุณภาพสิ่งแวดล้อม รวม 6 จุด ได้แก่ กากแคดเมียมและสังกะสี ดินภายในโรงงาน (ในโรงหลอมและนอกโรงหลอม) เถ้าจากระบบบำบัดอากาศจากการหลอม ดินบริเวณนอกโรงงาน ไอระเหยสารเคมีในบรรยากาศ และน้ำทิ้ง ผลการตรวจวัดเบื้องต้น พบกากแคดเมียมและสังกะสี มีปริมาณแคดเมียม 24,884 มก./กก. หรือ 248 เท่า ถือเป็นของเสียอันตรายเนื่องจากมีปริมาณวัสดุเจือปนแคดเมียมสูงเกิน 100 มก./กก. ส่วนดินในโรงหลอมพบปริมาณแคดเมียม 7,159 มก./กก. ดินภายในโรงงานนอกโรงหลอม พบปริมาณแคดเมียม 31,584 มก./กก. และดินหน้ารั้วโรงงาน พบปริมาณแคดเมียม 3,430 มก./กก. ซึ่งทั้ง 3 จุด สูงเกินเกณฑ์คือต้องไม่เกิน 810 มก./กก. รวมถึงมีการเก็บตัวอย่างน้ำ จำนวน 3 จุด ได้แก่ รางระบายน้ำหน้าโรงหลอม รางระบายน้ำหน้าอาคารสำนักงาน และคลองธรรมชาติ นำเข้าตรวจในห้องปฏิบัติการ ซึ่งจะเร่งรัดผลโดยเร็ว ทั้งนี้ บริษัทได้หยุดประกอบกิจการชั่วคราวตามคำสั่งของอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร และไม่มีคนงานเข้าไปทำงานแล้ว ส่วนคนงานที่ปฏิบัติงานในโรงงาน 19 คน เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้รับการเก็บตัวอย่างปัสสาวะไปตรวจสอบแล้ว 11 คน เหลืออีก 8 คน ซึ่งจะมีการเก็บปัสสาวะเพิ่มเติม ในวันที่ 9 เม.ย.นี้นอกจากนี้ ในรายงานของ คพ.ยังระบุถึงการขนย้ายกากแคดเมียมและสังกะสีกลับมาฝังกลบแบบปลอดภัย ณ หลุมฝังกลบเดิม จ.ตาก มีข้อห่วงกังวลด้านโครงสร้างทางวิศวกรรมของหลุมฝังกลบเนื่องจากมีการเปิดหลุมและใช้เครื่องมือหนักในการขุดกากแคดเมียมและสังกะสีออกไป จึงเสนอให้มีการตรวจสอบโครงสร้างทางวิศวกรรมดังกล่าวว่ามีความพร้อมในการดำเนินการฝังกลบแบบปลอดภัยอีกครั้งได้หรือไม่ หากยังไม่มีความพร้อม ควรจัดเตรียมอาคารจัดเก็บชั่วคราวหรือควรจัดเก็บไว้ในโกดังที่ จ.สมุทรสาคร ไปก่อน เนื่องจากอาคารโกดังของ บมจ.เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จ.ตาก ได้รื้อถอนหมดนานแล้วส่วนกากที่จะนำไปฝังกลบต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติของกากของเสียและอื่นๆ ในห้องปฏิบัติการ เพื่อประกอบการพิจารณาว่าต้องมีการดำเนินการบำบัดกากของเสียก่อนฝังกลบตามหลักเกณฑ์การฝังกลบแบบปลอดภัยอีกครั้งหนึ่งด้วยหรือไม่ ซึ่งการเตรียมการตรวจคุณสมบัติกาก อาจต้องใช้เวลา ไม่สามารถดำเนินการรองรับการขนย้ายกากของเสียให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ตามที่ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร กำหนดไว้ได้ ดังนั้นเมื่อพิจารณาประเมินความพร้อม และความเป็นไปได้ในการขนย้ายอาจมีความเสี่ยง และอาจล่าช้าไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด อาจต้องพิจารณาทางเลือกในการฝังกลบที่สถานกำจัดกากของเสียอื่นใน จ.สมุทรสาคร หรือจังหวัดอื่นที่ใกล้เคียง เพื่อลดความเสี่ยงจากการขนย้ายกากแคดเมียมและสังกะสี ซึ่งมีปริมาณมากต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ถึงการขนย้ายกากแคดเมียมจำนวนมากจาก จ.สมุทรสาคร กลับไปบริษัทต้นทางที่ จ.ตาก ว่าได้สั่งการให้นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) แก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุด โดยให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการอนุญาตขนกากแคดเมียมข้ามจังหวัดแล้ว รวมถึงสั่งการให้กรอ.และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งตรวจสอบหากากแคดเมียมที่หายไปกว่า 10,000 ตัน จากที่พบใน จ.สมุทรสาคร เหลือแค่ราว 3 พันตันว่าอยู่ที่ไหน ต้องตามหาให้เจอโดยเร็ว เพื่อขนย้ายกลับคืนสู่ต้นทางที่ จ.ตาก ทำการฝังกลบให้ถูกต้องตามขั้นตอน ซึ่งกระบวนการทั้งหมด ทั้งการขนย้ายกลับ และการฝังกลบ ได้กำชับอย่างเข้มข้นว่า ห้ามส่งผลกระทบต่อชุมชนพื้นที่ และสิ่งแวดล้อมโดยเด็ดขาดน.ส.พิมพ์ภัทรากล่าวอีกว่า ได้กำชับให้ กรอ. และ กพร.เร่งดำเนินการในเรื่องนี้ ทุกขั้นตอนต้องทำให้ถูกวิธี ถูกต้อง ห้ามให้กระทบต่อประชาชน ชุมชนพื้นที่ และสิ่งแวดล้อม ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม ตอนนี้คำสั่งย้ายอุตสาหกรรมจังหวัดตากมีผลแล้ว และได้สั่งการให้ขนย้ายกากแคดเมียมจาก จ.สมุทรสาคร ไปยัง จ.ตาก และต้องฝังกลบให้ถูกต้องตามขั้นตอนภายใน 15 วัน และในส่วนของผู้กระทำผิดก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมตรวจสอบกระบวนการทั้งหมด หากพบผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทำผิดต้องถูกลงโทษตามกระบวนการด้วยนอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวว่า ติดตามการลงพื้นที่เพื่อจัดการปัญหาการจัดเก็บกากแร่แคดเมียมของ รมว.อุตสาหกรรมที่ จ.สมุทรสาคร แจ้งมาว่า แคดเมียมทั้งหมดจะถูกเก็บภายในโกดังโรงงานภายในวันที่ 5 เม.ย.เพื่อให้การควบคุมดูแลเป็นไปอย่างรัดกุม ก่อนขนย้ายกากแคดเมียมทั้งหมดกลับไปกำจัดให้ถูกต้องตาม EIA ภายใน 7 วัน ซึ่งต้นทางคือ จ.ตาก โดยให้ฝังกลบภายใน 15 วัน และต้องค้นหาแคดเมียมที่หายไปกว่า 12,000 ตัน เพื่อกำจัดให้ถูกต้องโดยเร็ว เราต้องหาให้เจอว่าระบบการกำกับดูแลบกพร่องมีปัญหาอย่างไร เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก ตนสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันทำงาน ตลอดจนตรวจสอบการจัดการในโรงงานอื่นๆเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น และกวดขันให้ปฏิบัติตามมาตรฐานที่ควรจะเป็นต่อมาช่วงค่ำวันเดียวกัน น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่ากระทรวงอุตสาหกรรมได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตรวจพบถุงบิ๊กแบ็กจำนวนมาก กระจายอยู่ในโรงงานที่ ตำบลคลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี คาดว่าจะเป็นกองกากแคดเมียมที่มาจากโรงงานที่สมุทรสาคร ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี กำลังตรวจสอบกองกากดังกล่าว เบื้องต้นพบ 4,200 ถุง คาดว่าน่าจะมีน้ำหนักรวม 6,720 ตัน ได้ยึดอายัดไว้เป็นที่เรียบร้อย และได้มอบให้ กรอ. เร่งจัดการนำกากแคดเมียมทั้งหมด กลับไปฝังกลบยังแหล่งต้นทางให้เร็วและปลอดภัยที่สุด พร้อมทั้งต้องตรวจสอบว่ายังคงมีกากแคดเมียมหลงเหลือในพื้นที่อื่นอีกหรือไม่ เพื่อคลายความกังวลให้กับประชาชน ซึ่งในวันนี้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร เข้าแจ้งความร้องทุกข์โรงงานที่สมุทรสาครไว้กับ บก.ปทส.เรียบร้อยแล้วผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า สำหรับกากแคดเมียมที่พบเพิ่มนี้ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส.ตรวจสอบเอกสารพบว่ามีการนำสารแคดเมียมมาส่งที่ จ.ชลบุรี จึงนำคนขับรถบรรทุกมาชี้กระทั่งพบสารดังกล่าว และขณะเข้าตรวจค้นพบ นายหลิว ลู่ อายุ 38 ปี ชาวจีน รับเป็นเจ้าของโรงงาน เบื้องต้นยอมรับว่าซื้อกากแคดเมียมมา 3 พันตัน เพื่อส่งไปประเทศจีน ซึ่งจะมีการแถลงรายละเอียดในวันที่ 7 เม.ย.นี้อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่
