มีบางคนพยายามลากเข้าสู่บรรยากาศเกาเหลา ปั่น “รอยร้าว” ภายในองค์กรตำรวจทำให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่สวมบท ประธาน ก.ตร. ต้องออกมา “สยบร้อน” ไม่ยอมปล่อยให้เป็น “ไฟลามท่วมทุ่งปทุมวัน”สะบัดปากกาเซ็นคำสั่ง “ฟ้าผ่า” อ้างด้วยปรากฏข้อเท็จจริงเป็นข่าวต่อสาธารณะโดยทั่วไปในลักษณะต่อเนื่องติดกันตลอดเวลา นับแต่ช่วงระยะเวลาก่อนและหลังการแต่งตั้ง ผบ.ตร. เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2566 จนถึงปัจจุบันแม้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร.แล้ว แต่ในฐานะที่เป็นหัวหน้าส่วนราชการผู้รับ ผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องปฏิบัติราชการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหน้าที่และอำนาจมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานตามควรที่ปรากฏถึง “ความขัดแย้ง” จนเป็นที่ประจักษ์ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติและประชาชนทั่วไปแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ทั้งในทางการบริหารงานบุคคล และงานด้านกระบวนการยุติธรรม จนถึงขนาดมีการกล่าวหาต่อกันและกันในเรื่องส่วนตัวแสดงให้เห็นถึง “ความปฏิปักษ์ต่อกัน” และความขัดแย้งส่อจะลุกลามบานปลายจนไม่อาจหาข้อยุติได้หากไม่กระทำการใดๆอาจเป็นเหตุให้ราชการและประชาชน ประเทศชาติเสียหายได้สมควรพิจารณาสั่งการให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ไปปฏิบัติราชการนอกสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาปฏิบัติราชการสำนักนายก รัฐมนตรีจัดแถวกองทัพใหม่หวังลดอาการกินแหนงแคลงใจกันทั้งสองฝ่าย.สหบาทคลิกอ่านคอลัมน์ “ส่องตำรวจ” เพิ่มเติม