คุมตัวฝากขัง “วรุตย์ หีบเหล็ก” ไอ้โหดฆ่าถ่วงน้ำ 2 ศพ พ่อกับน้องสาว เจ้าตัวจะขอประกันแต่ศาลไม่อนุญาต ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำสิ้นอิสรภาพ รอง ผบก.ภ.จ.สกลนคร แฉปมสังหารจากมีปากเสียงทะเลาะกับพ่อบ่อยครั้งถูกขู่จะตัดพ่อตัดลูกไม่ยกมรดกให้ เครียดจนแค้นฝังใจวางแผนฆาตกรรมอำมหิต ล่อลวงพ่อกับน้องสาวไปดูหนองน้ำจะทำธุรกิจบ่อตกปลา ให้ลองเข้าไปนอนในหีบเหล็กมีฟิวเจอร์บอร์ดจะพองตัวขึ้นเป็นที่นอน ทั้งคู่หลงเชื่อถูกจับขังในหีบก่อนผลักตกน้ำตายทุรน ผู้ต้องหายอมรับไม่ป่วยจิตเวช มีสติสัมปชัญญะรู้ผิดชอบชั่วดีขณะลงมือ ตรวจร่างกายไม่พบสารเสพติด ก่อเหตุเพียงคนเดียว โดนแจ้งข้อหาหนักฆ่าบุพการีโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนจากคดีฆาตกรรมเขย่าขวัญ กรณีนายวรุตย์ เดชภูมี อายุ 35 ปี หนุ่มโหดล่อลวงนายประหยัด เดชภูมี อายุ 66 ปี พ่อเป็นเจ้าของอพาร์ตเมนต์ใน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร และ น.ส.เพียงเพ็ญ เดชภูมี อายุ 33 ปี น้องสาว จับขังในหีบเหล็ก 2 ใบที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ วางอยู่บนโต๊ะเหล็กกลางน้ำในหนองหลุมหิน บ้านสร้างขุ่ย ต.พังโคน อ.พังโคน จ.สกลนคร อ้างจะทำคอนเทนต์ลงยูทูบ ก่อนผลัก หีบเหล็กลงถ่วงน้ำตายทั้งเป็น 2 ศพ ชาวบ้านเห็นความผิดปกติที่หนองน้ำรีบแจ้งผู้ใหญ่บ้านประสานตำรวจมาตรวจสอบจนพบศพและจับกุมผู้ต้องหาได้ในที่เกิดเหตุ ควบคุมตัวไปสอบปากคำเจ้าตัวสารภาพว่าวางแผนฆาตกรรมพ่อกับน้องสาวจริง แต่ยังไม่ยอมเผยแรงจูงใจในการก่อเหตุความคืบหน้าที่ สภ.พังโคน เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ม.ค. พ.ต.ท.พูนศักดิ์ แสนภูวา รอง ผกก.สอบสวน นำกำลังตำรวจพร้อมอาวุธครบมือควบคุมตัวนายวรุตย์ ผู้ต้องหาเดินทางไปยัง รพ.พังโคน ให้แพทย์ตรวจร่างกายหาร่องรอยบาดแผลที่อาจเกี่ยวข้องกับคดี รวมทั้งตรวจหาสารเสพติดในร่างกายอีกครั้ง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาเดินทางไปฝากขังที่ศาลจังหวัดสกลนคร โดยไม่ได้นำไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเนื่องจากผู้ต้องหาขอใช้สิทธิไม่ทำแผนฯ ระหว่างเดินขึ้นรถผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่ามีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ ปรากฏว่านายวรุตย์เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นไม่ยอมเอ่ยปากใดๆ ต่อมารถควบคุมตัวนายวรุตย์ไปถึงศาลจังหวัดสกลนครเวลาประมาณ 11.00 น. ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนติดตามไปสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด ระหว่างยื่นฝากขังนายวรุตย์ ได้พูดต่อหน้าศาลเรื่องการยื่นขอประกันตัว แต่ศาลไม่อนุญาตให้ประกัน นำตัวส่งเข้าเรือนจำในช่วงเย็นวันเดียวกันที่ บก.ภ.จ.สกลนคร พ.ต.อ.โชคชัย อินทะนิน รอง ผบก.ภ.จ.สกลนคร เปิดเผยรายละเอียดคดีที่เกิดขึ้นว่า เหตุเกิดเวลาประมาณเที่ยงคืนเศษวันที่ 9 ม.ค. ตำรวจ สภ.พังโคน ได้รับแจ้งว่าพบชายต้องสงสัยน่าจะก่อเหตุฆาตกรรมที่หนองน้ำใน ต.พังโคน ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบผู้ต้องหาคือนายวรุตย์ลักษณะท่าทางมีพิรุธ บริเวณข้างหนองน้ำพบเสื้อผ้าผู้ชาย 1 ชุด และรองเท้าผู้หญิง 1 คู่ ส่วนในหนองน้ำพบหีบเหล็ก 2 ใบจมอยู่ในน้ำ ให้กู้ภัยและชาวบ้านช่วยกันกู้ขึ้นมาพบศพผู้ตายสองพ่อลูกอยู่ในหีบเหล็ก ควบคุมตัวนายวรุตย์ไปสอบสวนรับสารภาพว่าลงมือฆาตกรรมพ่อและน้องสาว ใช้วิธีการหลอกล่อให้ผู้ตายทั้งสองเข้าไปในหีบเหล็กที่เตรียมไว้ แล้วผลักลงน้ำไปจนเสียชีวิตทั้งคู่รอง ผบก.ภ.จ.สกลนครเผยต่อไปว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาสารภาพว่า เมื่อช่วงปลายปี 2566 มีปากเสียงทะเลาะกับพ่อหลายครั้ง พ่อมักจะพูดทำนองตัดพ่อตัดลูกกันและจะไม่ให้มรดก เมื่อทะเลาะกันทีไรจะพูดเรื่องนี้ตลอด ผู้ต้องหาเลยมีความเครียดสะสมเป็นความแค้นในใจ แล้วคิดวางแผนฆาตกรรมพ่อและน้องสาว เนื่องจากน้องสาวเป็นเด็กพิเศษมีอาการออทิสติก เมื่อพ่อพูดอะไรจะเห็นดีงามตามพ่อ เลยเข้าใจว่าน้องสาวอยู่ฝั่งพ่อ ทั้งหมดมีการวางแผนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะหีบเหล็กได้ติดล้อไว้เมื่อเอาตัวพ่อกับน้องสาวเข้าไปได้แล้วก็สามารถผลักลงน้ำได้เลยส่วนการพูดจาหลอกล่อให้พ่อกับน้องสาวเข้าไปในหีบเหล็ก จากคำให้การผู้ต้องหาบอกว่า หลอกพ่อว่าให้ไปดูทำเลตรงหนองน้ำจุดเกิดเหตุที่ผู้ต้องหาจะทำธุรกิจบ่อตกปลา พ่อหลงเชื่อคิดว่าลูกชายจะประกอบอาชีพทำมาหากินเลยมาช่วยดู จากนั้นหลอกว่าฟิวเจอร์บอร์ดในหีบเหล็กถ้าสัมผัสความร้อนจากร่างกายมนุษย์จะทำให้พองตัวขึ้นเป็นที่นอนได้เลย แล้วให้พ่อกับน้องสาวลองเข้าไปนอนดู เมื่อทั้งคู่หลงเชื่อเข้าไปนอนในหีบเหล็กผู้ต้องหาก็ใช้โซ่มัดรอบแล้วล็อกกุญแจขังไว้ และด้วยหีบเหล็กถูกออกแบบมาให้มีล้อ ผู้ต้องหาสามารถผลักลงน้ำได้ด้วยตัวคนเดียว ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าผู้ต้องหามีอาการป่วยทางจิตเวชหรือไม่ เบื้องต้นจากคำรับสารภาพผู้ต้องหาบอกว่าไม่ได้เป็นผู้ป่วยจิตเวช ยอมรับว่ามีสติสัมปชัญญะดี รู้ผิดชอบชั่วดีขณะลงมือกระทำผิด จากการตรวจร่างกายผู้ต้องหาไม่พบสารเสพติด ทำให้ตำรวจเชื่อว่าการลงมือก่อเหตุไม่น่าเกี่ยวข้องหรือเป็นผลมาจากยาเสพติด หรือเป็นอาการของคนป่วยจิตเวชด้านความคืบหน้าของคดี พ.ต.อ.โชคชัยเผยว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนมีความคืบหน้าไปมาก สอบปากคำผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพ ขณะที่พยานแวดล้อมต่างๆไม่ว่าจะเป็นผู้นำชุมชนที่แจ้งเหตุ ผู้ที่พบเหตุหรือผู้ใกล้ชิดเหตุการณ์ต่างให้การสอดคล้องกันว่าผู้ต้องหากระทำความผิดจริง ประกอบกับตำรวจให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบเก็บวัตถุพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ไว้แล้ว เชื่อมั่นว่าจะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้แน่นอน ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดด้วย จากคำให้การของผู้ต้องหาบอกว่าวางแผนลงมือกระทำเพียงคนเดียว อย่างไรก็ตามตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด จะได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป แต่เบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะลงทำเพียงคนเดียว ขณะนี้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นและฆ่าบุพการีโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และกระทำการอันเป็นการทารุณโหดร้ายต่อผู้อื่น นำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดสกลนครแล้วอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่