กองปราบฯดักรวบคาสนามบิน หนุ่มวัย 29 ปี หลังบินกลับจากพม่า อ้างสำนักพระราชวังแคปหน้าจอลายเซ็นราชเลขา ตั้งกลุ่มไลน์หน่วยงานสำคัญ ตระเวนลวงพระจะให้พัดยศหรือให้ไปเทศน์ในวัง แต่ต้องมีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังพบเหยื่อมีทั้งเจ้าของร้านอาหารและร้านผ้าไหม อ้างจะพาเจ้านายระดับสูงไปใช้บริการ แต่มีค่าเรียกเก็บเงินค่าฉายพระรูป-เข็มที่ระลึก แฉช่วงปี 64-66 มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ 15 ราย สูญเงินรวมเกือบ 1 ล้านบาท ขณะที่ “บิ๊กก้อง” เชื่อน่าจะมีร้านค้าหรือพระภิกษุที่ถูกหลอกอีกเยอะ ด้านเจ้าตัวให้การภาคเสธผบช.ก.แถลงรวบหนุ่มอ้างสำนักพระราชวังตุ๋นเหยื่อ เปิดเผยเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 ต.ค.ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ศราวุธ จันต๊ะวงศ์ ผกก.2 บก.ป. ร่วมแถลงผลจับกุมนายจุฬาธิปก ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา อายุ 29 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 31 พ.ค.66 ข้อหา “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม, ทุจริตหรือหลอกลวงโดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ” พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง นาฬิกา 1 เรือน กระเป๋าสตางค์ บัตรเครดิต อีกหลายรายการ จับกุมได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการพล.ต.ท.จิรภพกล่าวว่า นายจุฬาธิปกมีพฤติกรรม อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวัง แคปลายเซ็นราชเลขาเอามาใช้กับเอกสารต่างๆที่ปลอมขึ้น รวมทั้งตั้งกลุ่มไลน์สำนักพระราชวัง กรมกิจการพิเศษ 904 และมหาดเล็กรักษาพระองค์ นำรูปทหารมาใส่ไม่ตรงกับชื่อทหารตามรูป จากนั้นจะนำไปหลอกพระภิกษุอ้างจะให้ไปเทศน์ในสำนักพระราชวังหรือจะให้สมณศักดิ์หรือพัดยศ แต่ทั้งนี้ต้องมีค่าใช้จ่ายที่ผ่านมามีพระภิกษุบางรูปถูกหลอกหลักแสน บางรูปถูกหลอกไปหลายแสนบาทผบช.ก.กล่าวต่อว่า นอกจากพระแล้วยังมีร้านผ้าไหมที่คนร้ายอ้างว่าท่านจะมาซื้อ เมื่อติดต่อพูดคุยกันจนสนิทจะใช้รูปแบบเดิมอ้างต้องมีค่าใช้จ่าย รวมทั้งร้านอาหารท่านจะเสด็จมาเสวยที่ร้าน อยากให้ร้านเตรียมตัว ถ้าท่านมาจะมีของพระราชทานที่ระลึกให้ เช่น ค่าฉายพระรูป, ค่าเข็มที่ระลึก ทั้งนี้ต้องมีค่าดำเนินการตั้งแต่หลักหมื่นหลักแสนต่อรายให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีม้าที่เตรียมไว้อยู่ฝั่งท่าขี้เหล็ก จากนั้นถึงจะโอนเข้าบัญชีคนร้ายอีกทีที่ผ่านมาช่วงปี 2564-2566 มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ 15 ราย สูญเงินรวมเกือบ 1 ล้านบาท แต่คาดว่า น่าจะมีร้านค้าหรือพระภิกษุที่ถูกหลอกอีกเยอะถ้าผู้เสียหายรายใดที่เคยถูกหลอกมาแจ้งความได้ที่ตำรวจสอบสวนกลางผบช.ก.ยังกล่าวอีกว่า ช่วงแรกคนร้ายใช้โทรศัพท์มือถือของตัวเองหลอกเหยื่อ แต่พอโดนแจ้งความเริ่มหันมาใช้ซิมผี ก่อนจะพัฒนาไปใช้ระบบ VOIP มาหลอกเหยื่อ ถึงแม้คนร้ายจะเปลี่ยนรูปแบบ แต่ตำรวจมีวิธีที่จะสืบสวนไปถึงตัวได้ หลังสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนแน่ชัด ขออำนาจศาลออกหมายจับ พร้อมจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส ก่อนทราบว่าได้หลบหนีไปอยู่ประเทศเมียนมา ประสานขอความร่วมมือไปยังทางการประเทศเมียนมา จนมีการแจ้งเบาะแสกลับมาว่า นายจุฬาธิปกกำลังจะเดินทางกลับมายังประเทศไทย จึงนำกำลังดักจับกุมได้ที่สนามบินดังกล่าวจากการสอบสวนนายจุฬาธิปกให้การภาคเสธรับเพียงว่าแอบอ้างจริง แต่ไม่ได้เป็นผู้รับเงินจากผู้เสียหาย ตรวจสอบประวัติพบมีหมายจับในคดีลักษณะเดียวกันติดตัวอีก 3 หมายจับ นำตัวส่ง กก.2 บก.ป.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ นายจุฬาธิปกยังให้การอ้างว่าเดิมทีชื่อนายอนาวิล ลัดพลี เมื่อครั้งบวชเป็นสามเณรได้รู้จักกับเจ้าของนามสกุลปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา (เสียชีวิตแล้ว) เกิดรู้สึกรักใคร่เอ็นดูอย่างมากจึงให้ใช้นามสกุลเมื่อปี 2557อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่