หมายจับ “เจษฎา” 5 ข้อหา หลังผลตรวจดีเอ็นเอ 2 ศพทารกเหยื่อ “ไอ้เอ็ม” ผัวเก่าที่พบในพื้นที่บางซื่อเมื่อปี 56 และ 57 ระบุความสัมพันธ์เป็นพ่อแม่ลูก เตรียมฝากขัง 25 ก.ย. ขณะที่ “เจษฎา” ขอตำรวจนิมนต์พระมาถวายสังฆทานอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ลูกๆ “กัน จอมพลัง” นำลุง ด.ญ.วัย 4 ขวบที่พิการปากแหว่งจมูกขาดตาบอดพบ “รองนพศิลป์” ยันเลี้ยงมาตั้งแต่เกิดอวัยวะครบ32 เชื่อถูกพ่อแม่เหี้ยมรับกลับไปทำร้ายนำไปโพสต์ภาพพิการหวังเงินบริจาค เข้าข่ายค้ามนุษย์ แฉพฤติกรรมโหด “ไอ้เอ็ม” ใช้มีดลนไฟจนเหล็กแดงแล้วนาบร่าง “เจษฎา” จนเป็นแผลเป็นพุพองทั่วตัว สุดทารุณถึงขั้นบังคับให้ถ่ายคลิปทำร้ายตัวเองส่งมาให้ดู ไม่เช่นนั้นจะทำร้ายยันลูกจากเหตุสะเทือนขวัญหดหู่ใจในคดีที่นายส่องศักดิ์ หรือเอ็ม ส่งแสง อายุ 47 ปี ที่ร่วมกับนางสุนัน นาหัวนิล ภรรยาฆ่าโบกปูน ด.ญ.เนตรขวัญสุดา ส่งแสง หรือ “น้องโมเดล” ลูกสาววัย 2 ขวบ ที่ จ.กำแพงเพชร ก่อนขยายผลพบว่านายส่องศักดิ์มีภรรยา 4 คน ลูกอีก 10 คน แต่ที่น่าสะเทือนใจเพราะพบว่านายส่องศักดิ์ลงมือฆ่าลูกชายวัยแบเบาะที่เกิดกับ น.ส.เจษฎา เมียคนที่ 3 อีก 4 ศพ เหตุเกิดช่วงปี 56-61 โดย 2 ศพแรกมีผู้ไปพบอยู่บริเวณหลังสวนรถไฟพื้นที่ สน.บางซื่อ อีก 2 ศพถูกนำไปทิ้งที่รกร้างริมถนนพหลโยธิน 56 เจ้าหน้าที่ใช้รถแบ็กโฮขุดพบชิ้นส่วนกระดูกจำนวนมาก แพทย์ระบุว่าเป็นกระดูกคนอายุช่วงประมาณ 2 ปี อยู่ระหว่างตรวจหาดีเอ็นเอยืนยันความเป็นพ่อแม่ลูก ขณะที่นายส่องศักดิ์จำนนต่อหลักฐานรับว่าทำร้ายลูกเสียชีวิตเพราะไม่ชอบเด็กชายและไม่ชอบเสียงร้อง ส่วนน้องโมเดลทำร้ายจนตายเพราะหน้าตาคล้ายเด็กผู้ชาย จากนั้นพนักงานสอบสวน สน.บางเขน คุมตัวนายส่องศักดิ์และนางสุนันฝากขังศาลอาญา ก่อนควบคุมตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯและทัณฑ สถานหญิงกลาง หลังนำตัวนายส่องศักดิ์ไปตรวจสภาพจิต แพทย์ยืนยันไม่ได้ป่วยจิตตามที่กล่าวอ้าง ส่วน น.ส.เจษฎา แม่ของทารกทั้ง 4 ศพที่ถูกฆ่าอยู่ระหว่างการสอบสวนและพิจารณาแจ้งข้อหาที่เกี่ยวข้องตามที่เสนอข่าวไปนั้นลุงแฉ “ไอ้เอ็ม” ทำหลานพิการความคืบหน้าคดีฆ่าลูก 5 ศพ เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 22 ก.ย. ที่ สน.บางเขน นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพ บูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง นำนายสังวร หลึ่งเทพ อายุ 61 ปี พี่เขย น.ส.สุนัน นาหัวนิล แม่เด็กผู้หญิงวัย 4 ขวบ ที่ กัน จอมพลัง ช่วยเหลือไว้เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ขณะนี้เด็กอยู่ในความดูแลของ พม. เข้าพบ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เพื่อให้ข้อมูลทางคดีเมื่อลุงของเด็กระบุว่า หลานสาวเกิดมาปกติ แต่คาดว่าถูกนายส่องศักดิ์พ่อของเด็กทำร้ายจนมีสภาพปากแหว่ง จมูกขาดและตาบอดสองข้าง ก่อนนำภาพลูกโพสต์ลงเฟซบุ๊กเพื่อขอรับเงินบริจาคยันเด็กเกิดมาปกติทุกอย่างนายสังวรกล่าวว่า ตั้งแต่เกิดมาเด็กมีอาการปกติทุกอย่าง ปากก็ดี อวัยวะครบ 32 ประการ สมบูรณ์หมดทุกอย่าง โดย น.ส.สุนันกับนายส่องศักดิ์มารับกลับคืนไปตอนอายุประมาณ 2 ปี ตอนนั้นก็เสียใจ เพราะรักและเอ็นดูหลาน ไม่อยากให้พ่อแม่เขาเอากลับ แต่เด็กเป็นลูกเขา หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบหรือเห็นภาพหลานอีก กระทั่งปรากฏเป็นข่าว เห็นภาพหลานปากแหว่งรู้สึกเสียใจ ตกใจมาก เลยถามกับ น.ส.สุนัน เขาบอกแค่ว่าหลานหกล้มทำให้ปากฉีกขาด เชื่อว่าทั้งสองคนร่วมกันทำร้ายเด็กซัด “ไอ้เอ็ม” พฤติกรรมซาดิสต์นายสังวรกล่าวว่า เคยพูดคุยกับนายส่องศักดิ์เห็นว่าปกติดี เชื่อว่าไม่ได้ป่วยทางจิต แต่เคยได้ยินเขาทะเลาะกับ น.ส.สุนัน มีคนเคยเห็นนายส่องศักดิ์จับ น.ส.สุนัน ใช้เชือกมัดมือสองข้างแขวนไว้กับขื่อบ้าน แล้วใช้ไม้แขวนเสื้อฟาดตีเสียงร้องเจ็บปวดดังไปทั่ว แต่ไม่มีใครเข้าไปห้าม เหตุเกิดที่ จ.กำแพงเพชร ส่วนการทำร้ายร่างกายลูกแล้วเอารูปไปโพสต์ขอรับบริจาค เขาตั้งใจเอาลูกไปหากินอย่างแน่นอน ส่วนเด็กที่เสียชีวิตรายอื่น ไม่ทราบเรื่องมาก่อน “กัน” พาพบตำรวจคลี่ปมสงสัยด้าน “กัน จอมพลัง” กล่าวว่า วันนี้พาลุงเลี้ยงน้อง 4 ขวบมาตั้งแต่เกิด เด็กไม่มีอาการปากแหว่ง จมูกขาดแต่อย่างใดเลยเป็นเด็กปกติ วันที่ตนเข้าช่วยน้อง เด็กนอนนิ่งตามองไม่เห็น พอรับทราบเรื่องทำให้เกิดความเชื่อมโยงกับภาพที่โพสต์เปิดรับบริจาค เกิดคำถามว่าตั้งใจให้เด็กมีสภาพเช่นนั้นหรือไม่ เพื่อที่จะเอาเด็กมาหากินหรือไม่ ประสานกับ พล.ต.ต.นพศิลป์ทันทีว่าเรื่องนี้ต้องดำเนินการให้ถึงที่สุด ว่าเป็นการกระทำผิดฐานค้ามนุษย์หรือไม่ผลดีเอ็นเอเด็ก 2 ศพเป็นลูกด้าน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.เผยว่า พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.ได้แจ้งชุดพนักงานสอบสวนว่า ผลตรวจดีเอ็นเอทารก 2 ศพ ที่เจอที่บางซื่อในปี 2556 และ 2557 ตรงกับนายส่องศักดิ์ และ น.ส.เจษฎา มีเพียร มีความสัมพันธ์เป็นพ่อแม่ลูกกันจริงตามคำรับสารภาพของ น.ส.เจษฎาว่านำศพไปทิ้ง 2 ศพ พนักงานสอบสวนจะขอศาลออกหมายจับ น.ส.เจษฎา หลังจากไปรับผลตรวจช่วงบ่ายวันนี้ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ สำหรับสาเหตุการตายของเด็กทั้งสองคน แพทย์ออกผลชันสูตรตั้งแต่ปี 2556 และ 2557 แล้วว่าสาเหตุเกิดจากกะโหลกศีรษะมีบาดแผล และระบบการหายใจล้มเหลวรอสอบให้ชัดคดีค้ามนุษย์พล.ต.ต.นพศิลป์กล่าวต่อว่า ในส่วนเด็ก 4 ขวบ ที่ถูกทำร้ายปากแหว่ง มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าตั้งแต่แรกเกิดมีสภาพสมบูรณ์ปกติ จะต้องไปสอบแรกเริ่มตั้งแต่โรงพยาบาลและครอบครัวที่เป็นผู้เลี้ยงน้องมาว่าร่างกายเขามีปกติ กระทั่งพ่อแม่นำน้องกลับมาเลี้ยงถึงพบว่าเด็กมีสภาพปากแหว่งอ้างว่าเกิดจากเชื้อรากัด ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏพนักงานสอบสวนจะต้องสอบสวนข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้นในการดำเนินคดีค้ามนุษย์จะต้องหาพยานหลักฐานในกรอบของกฎหมาย ขณะนี้เด็กอยู่ในความคุ้มครองของพม.โพสต์รับบริจาคถือว่าเข้าข่ายรอง ผบช.น.กล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกสะท้อนใจมาก ผู้ต้องหาทำกับลูกเหมือนตายทั้งเป็น เด็กต้องโตขึ้นมาปากแหว่ง ได้รับแจ้งจาก กัน จอมพลัง ว่ามีแพทย์รับรักษาน้องแล้ว ในการเรียกรับผลประโยชน์จากความพิการของเด็ก เข้าข่ายการค้ามนุษย์ พนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน มีหลักฐานการโพสต์ขอรับบริจาคของนายส่องศักดิ์ และ น.ส.เจษฎา ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. มีการโอนเงินทั้งหมด 17 รายการรวมเป็นเงิน 3,500 บาท โดยนำเงินที่ได้ไปเลี้ยงดูชีวิตตัวเองโผล่อีกเมียคนที่ 5 แต่ไม่มีลูกรอง ผบช.น.กล่าวว่า สำหรับภรรยารายที่ 5 ที่เพิ่งตรวจพบนั้นได้เลิกกันกับนายส่องศักดิ์มานานและไม่มีบุตรด้วยกัน ฝ่ายหญิงมีครอบครัวใหม่แล้ว ขออนุญาตปกปิดชื่อของภรรยา แต่ตำรวจจะต้องเชิญมาสอบให้เห็นถึงพฤติกรรมของตัวผู้ต้องหาเพื่อประโยชน์ต่อรูปคดี“ไอ้เอ็ม” ให้บรรดาเมียหาเลี้ยงขณะที่ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่า ในส่วนของการกระจายชุดสืบสวนลงพื้นที่ตามคำให้การของตัวผู้ต้องหา ได้ขอความ ร่วมมือกับอดีตภรรยาทุกคนของนายส่องศักดิ์ เพื่อขอข้อมูล เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสำคัญ ข้อมูลที่ได้มาตรงกันว่าตัวผู้ต้องหามีพฤติกรรมก้าวร้าว อดีตภรรยาบางคนที่มีลูกกับนายส่องศักดิ์ระบุว่า นายส่องศักดิ์ไม่เคยดูแลส่งเสีย ฝ่ายหญิงจะต้องเป็นคนทำงานหาเลี้ยง ส่วนนายส่องศักดิ์รอใช้เงิน แต่ไม่มีพฤติกรรมเล่นการพนันและเสพยาเสพติดค้นรังเก่าพ่อโหดแม่เหี้ยมต่อมาเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.สุรพงศ์ ธรรมพิทักษ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก. สน.บางเขน พ.ต.ท.เข็มกล้า มั่นพลับ รอง ผกก. (สอบสวน) สน.บางเขน นำชุดสืบสวนและตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจค้นวัตถุพยานเพิ่มเติมที่ห้องพักชั้น 2 อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ในซอยพหลโยธิน 48 แยก 3 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน สถานที่สุดท้ายที่นายส่องศักดิ์ และ น.ส.สุนันเข้าพักก่อนถูกจับกุม หลังค้นหา 1 ชั่วโมง พ.ต.อ.สุรพงค์กล่าวว่า พบวัตถุพยานบางส่วนถือเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เป็นห้องสุดท้ายก่อนนายส่องศักดิ์และ น.ส.สุนันจะถูกจับ แต่ไม่ใช่เป็นสถานที่ทำร้ายเด็ก รายงานข่าวแจ้งว่า ห้องดังกล่าวเป็นห้องที่ น.ส.เจษฎา ทำสัญญาเช่าให้กับนายส่องศักดิ์ ส่วนหลักฐานที่ตรวจพบเป็นเอกสารทะเบียนรถ เอกสารเกี่ยวกับยา มีด 2 เล่ม เจ้าหน้าที่รวบรวมไว้เป็นหลักฐานในสำนวนคดี ศาลออกหมายจับ “เจษฎา” 5 ข้อหากระทั่งเวลา 16.00 น. มีรายงานว่า ศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับ น.ส.เจษฎา มีเพียร ตามหมายจับที่ 7241/2566 ลงวันที่ 22 ก.ย.66 ใน 5 ข้อหา ประกอบด้วย ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นได้รับอันตรายสาหัส, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย, ลอบฝังซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดการตายหรือเหตุแห่งการตาย, ผู้ใดเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษทำให้เสียหายทำลายซ่อนเร้นเอาไปเสียหรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งหลักฐานในการกระทำความผิด, ร่วมกันกระทำการใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปหรือเพื่ออำพรางคดีหลังศาลออกหมายจับ ชุดสืบสวน สน.บางเขน คุมตัว น.ส.เจษฎาออกจากห้องขึ้นรถกระบะออกไปข้างนอก คาดว่าออกไปตรวจหาพยานหลักฐานในคดีเพิ่มเติม ก่อนจะคุมตัวกลับมาที่ สน.บางเขน โดยมีกำหนดส่งฝากขังศาลอาญา ในวันที่ 25 ก.ย.นี้จุดธูปไหว้ศาลพาชี้จุดทิ้งศพฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน ได้คุมตัว น.ส.เจษฎา มาที่จุดพบชิ้นส่วนกระดูกริมถนนพหลโยธิน ช่วงกิโลเมตรที่ 25 เพื่อให้ได้พิกัดจุดทิ้งศพลูกเมื่อปี 2559 และปี 2561 ที่ชัดเจน ทันทีที่ตำรวจคุมตัว น.ส.เจษฎา ลงจากรถเจ้าตัวได้พนมมือไหว้ศาลตายายจุดธูป 1 ดอก คุกเข่าไหว้ศาลอธิษฐานขอให้เจ้าที่เปิดทางให้ค้นหาร่างลูกชายให้พบ จากนั้นตำรวจได้พา น.ส.เจษฎาเดินสำรวจพื้นที่บริเวณนี้ ไล่ตั้งแต่ศาลตายายไปจนถึงหน้าปั๊มน้ำมัน ปตท. ระยะทางประมาณ 200 เมตร เพื่อให้ น.ส.เจษฎาค่อยๆรื้อฟื้นความจำ เมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว ว่า หลังจากลูกทั้งสองเสียชีวิตได้ร่วมกันกับนายส่องศักดิ์นำร่างมาทิ้งไว้ที่จุดไหน โดยจุดที่ น.ส.เจษฎาใช้เวลานึกย้อนเหตุการณ์มากที่สุด ก่อนที่จะชี้จุดตรงทางออกปั๊มน้ำมัน ปตท. จากการสังเกตพบว่า บางจังหวะที่ตำรวจพาสำรวจพื้นที่ทิ้งศพ น.ส.เจษฎามีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่บ้าง พร้อมกับพยายามนึกภาพเหตุการณ์ในอดีต ใช้เวลาประมาณ 30 นาที สรุปได้ว่ามีความคลาดเคลื่อนจากจุดเดิมที่นำรถแบ็กโฮเข้ามาขุดหาร่างก่อนหน้านี้ จุดที่ถูกต้องคือทางออกของปั๊มน้ำมัน ปตท. ก่อนคุมตัวกลับไปยัง สน.บางเขนผบก.น.2 ยันที่พบไม่ใช่กระดูกคนต่อมาเวลา 20.30 น. ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สัมภาษณ์ พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 หลังมีกระแสข่าวว่ากระดูกที่ตรวจพบเมื่อวาน 40ชิ้นไม่ใช่กระดูกมนุษย์ พล.ต.ต.อรรถพลกล่าวว่า แพทย์ได้ระบุว่ากระดูกที่พบไม่ใช่กระดูกมนุษย์จริง ทำให้วันนี้ต้องนำตัวน.ส.เจษฎากลับไปที่บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.อีกครั้ง โดย น.ส.เจษฎาได้ทบทวนและบอกว่าจุดที่ทิ้งศพเด็กทั้งสองคนคือบริเวณทางเข้าออกปั๊มน้ำมัน ปตท. ทำให้ตำรวจต้องประเมินว่าจะมีการขุดเจาะบริเวณดังกล่าวหรือไม่ เพื่อตามหาวัตถุพยานชิ้นส่วนกระดูกของเด็กทั้งสองถวายสังฆทานอุทิศส่วนบุญให้ลูกมีรายงานว่าก่อนศาลออกหมายจับ ชุดสืบสวน สน.บางเขน ได้นิมนต์พระจากวัดบางบัว มาที่ห้องสืบสวน พร้อมจัดชุดถวายสังฆทานตามความประสงค์ของ น.ส.เจษฎาที่ต้องการอุทิศบุญกุศลให้แก่ลูกทั้ง 4 คน รวมถึงน้องโมเดลที่เสียชีวิตจากน้ำมือนายส่องศักดิ์ “รองโจ๊ก” ชี้ค้ามนุษย์จ่อแจ้งในคุกอีกด้านหนึ่งที่สโมสรตำรวจ เมื่อเวลา 15.30 น. วันเดียวกัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีนายส่องศักดิ์ น.ส.สุนัน และ น.ส.เจษฎา ผู้ต้องหาคดีฆ่าลูก 5 ศพว่า จากการประชุมร่วมกับพนักงานสอบสวน ผกก.สน.บางเขน และ ผกก.สน.สายไหม รวมถึงผู้แทน รอง ผบช.น. คดีคืบหน้าไปมาก ทั้งเรื่องของสำนวนการสอบสวน ในส่วนของสำนวนคดีหลักอยู่ที่ สน.บางเขน ส่วนจุดที่พบศพอื่นๆอยู่ในส่วนของ สน.ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ จะตรวจสอบความเชื่อมโยงการกระทำความผิดต่างๆว่าสอดคล้องกันอย่างไร ส่วนการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมความผิดค้ามนุษย์ นำลูกไปแสวงหาผลประโยชน์ ความผิดนี้ต้องไปแจ้งเพิ่มเติมในเรือนจำ เรื่องสำนวนคดีไม่หนักใจ นอกจากนี้จะนัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์สอบถามเรื่องการดูแลเด็กผู้เสียหายได้ดูแลอย่างไรบ้างคดีไม่หนักใจหลักฐานมัดตัวพล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า คดีนี้ผู้ต้องหาไม่สามารถดิ้นหลุด เพราะพยานหลักฐานมัดตัวหมดแล้ว ไม่มีอะไรที่น่าหนักใจ ในส่วนของการสืบสวนนั้นเสร็จสิ้น แต่ในส่วนของการสอบสวนยังดำเนินต่อไป ในส่วนของศพเด็กทารกที่ตรวจพบที่บางซื่อตรวจสอบดีเอ็นเอแล้วตรงกับผู้ต้องหาทั้งสองคนจริง ส่วนกระดูกที่ตรวจพบกำลังอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบ เชื่อว่า กระดูกที่ตรวจพบอาจจะเป็นเด็กที่ตายไปอีกสองคนแน่นอน แต่อาจจะต้องรอผลยืนยันอีกครั้งทารกศพแรกยัดเป้ตัวยังนิ่มมีรายงานว่าสำหรับศพทารก 2 คน ที่ผลดีเอ็นเอตรงกับนายส่องศักดิ์ และ น.ส.เจษฎา ศพแรก พบเมื่อวันที่ 10 ต.ค.56 สน.บางซื่อ รับแจ้งเหตุพบศพทารกเพศชายถูกยัดไว้ในกระเป๋าเป้สีดำ ริมถนนนิคมรถไฟสาย 1 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.ใกล้สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) ไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ในที่เกิดเหตุบริเวณเสาไฟฟ้าเลขที่ 43 พบกระเป๋าสะพายยี่ห้อเอาต์ดอร์ สีดำลายจุดรูปดาว วางทิ้งไว้ใกล้กับพุ่มไม้ ข้างในพบศพเด็กทารกเพศชาย อายุประมาณ 10 เดือน ในสภาพตัวคดงอ ใบหน้าและเท้าซีดขาว ลำตัวเริ่มเขียว คาดว่าเพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นานศพสองคอหักหมุนได้รอบส่วนศพที่ 2 พบเมื่อวันที่ 12 พ.ย.57 สน.บางซื่อ รับแจ้งเหตุพบศพทารกเพศชาย อายุประมาณ 2 เดือน ถูกทิ้งไว้ที่หน้าโครงการจตุจักรกรีน ถนนกำแพงเพชร 3 แขวงและเขตจตุจักร กทม. พนักงานทำความสะอาดเขตจตุจักร พบขณะกวาดถนนเวลา 6 โมงเช้า พบถุงปุ๋ยวางอยู่โคนต้นไม้ มีเชือกมัดปากถุงเปิดดูพบว่าเป็นศพเด็กทารก ตกใจรีบแจ้งตำรวจตรวจสอบ สภาพสวมชุดทารกแรกเกิดสีขาว สวมถุงมือสีชมพูถูกห่อด้วยผ้าห่มสีฟ้า มีกระสอบปุ๋ยสีชมพูมัดปากถุงห่อไว้อีกชั้น ใกล้กันพบกระเป๋าผ้าสีเขียวตกอยู่อีก 1 ใบ ตามร่างกายไม่พบบาดแผล แต่ลักษณะคอหมุนได้ผิดปกติคล้ายคอหัก มีมดขึ้นตามตัวจำนวนมาก เบื้องต้นคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 4 ชั่วโมงเปิดคำร้องฝากขังพ่อแม่โหดมีรายงานจากศาลอาญา เมื่อบ่ายวันที่ 21 ก.ย. พนักงานสอบสวน สน.บางเขน นำตัวนายส่องศักดิ์ ส่งแสง อายุ 46 ปี และ น.ส.สุนัน นาหัวนิล อายุ 40 ปี มาฝากขังครั้งแรกในคดีฆ่าโบกปูน “น้องโมเดล” ลูกสาววัย 2 ขวบ ข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ร่วมกันซ่อนเร้นย้ายทำลายศพเพื่อปิดบังการตาย คำร้องบรรยายว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ย. เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตำรวจ สน.บางเขน และนายกันจอมพลัง เข้าช่วยเหลือเด็กที่ถูกบิดาทำร้ายร่างกายเป็นเด็กหญิง 2 คน คือ ด.ญ.เอ อายุ 12 ปีและ ด.ญ. บี อายุ 4 ปี ออกมาอยู่ในความดูแล แต่ ไม่พบ “น้องโมเดล” ลูกสาววัย 2 ขวบอีกคนรับทำร้าย “น้องโมเดล” ก่อนไปฝังจากการสืบสวนของทุกฝ่าย เชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองรู้เห็นกับการหายตัวไปของน้องโมเดล ได้เชิญตัวทั้งสองมาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ให้การในแนวทางเดียวกันว่านายส่องศักดิ์ทำร้ายน้องโมเดลจนบาดเจ็บแต่ไม่ได้พาไปพบแพทย์กระทั่งเสียชีวิต จากนั้นนำร่างน้องโมเดลขึ้นรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าแจ๊ซ ทะเบียน กท 5042 กำแพงเพชร ไปที่บ้าน ต.บ่อถ้ำ อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร เพื่อฝังร่างพร้อมโบกปูนซีเมนต์ปิดทับ เหตุเกิดที่อพาร์ตเมนต์ ซอยพหลโยธิน 65 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ต่อเนื่องที่บ้านใน ต.บ่อถ้ำ อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร“สุนัน” ไม่รับข้อหาฆ่าลูกคำบรรยายฟ้องระบุต่อว่า การกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,199,290 วรรคหนึ่ง ชั้นจับกุมและสอบปากคำ ผู้ต้องหาที่ 1 รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 รับสารภาพข้อกล่าวหาร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดการตาย หรือเหตุแห่งความตายแต่ข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุ ให้ถึงแก่ความตายนั้น ผู้ต้องหาที่ 2 ให้การปฏิเสธท้าย คำร้อง ทั้งพนักงานสอบสวน ผู้ร้องและผู้เสียหายขอ คัดค้านการให้ประกันตัวด้วย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากปล่อยตัวไปเกรงว่าจะหลบหนี และผู้เสียหายอาจ ได้รับอันตราย เนื่องจากผู้ต้องหาทราบที่อยู่ผู้เสียหาย ไอ้เอ็มเจออีกคดีซ้อมเมียสาหัสนอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ยื่นคำร้องฝากขังหมายเลขดำ ฝ.1407/2566 กล่าวหานายส่องศักดิ์ ผู้ต้องหา ความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุ ให้เกิดอันตรายสาหัส, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดฯ หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 (4), 309 ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพสุดเหี้ยมใช้มีดลนไฟนาบตัวพฤติการณ์คดีนี้ สืบเนื่องจาก น.ส.เจษฎา มีเพียร ผู้กล่าวหาคบหากับนายส่องศักดิ์อยู่กินกันฉันสามีภรรยาช่วงประมาณปี 2553 จนมีบุตรด้วยกัน 5 คน ก่อนนี้ช่วงปี 2558 ผู้กล่าวหากับผู้ต้องหา พร้อมบุตร ย้ายมาพักที่ซอยพหลโยธิน 50 แยก 11 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพฯ จนถึงปี 2564 ขณะที่พักอยู่นั้น ผู้ต้องหามักจะทำร้ายร่างกายผู้กล่าวหา รวมถึง ใช้ไขควงกับมีดลนไฟจนเหล็กสีแดงนำมาทาบตาม ร่างกายผู้กล่าวหาจนเป็นแผลพุพองและเป็นแผลเป็นตามร่างกายบังคับถ่ายคลิปส่งให้ดูกระทั่งปี 2564 ผู้กล่าวหาแยกกันอยู่กับนายส่องศักดิ์ และย้ายมาพักกับลูกๆที่อพาร์ตเมนต์ ซอยพหลโยธิน 48 แยก 11 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน แต่ผู้ต้องหาก็มาหาอยู่เรื่อยๆ ช่วงแรกไม่ได้ทำร้ายจนกระทั่งผู้ต้องหากลับมามีพฤติกรรมแบบเดิมบังคับให้ผู้กล่าวหาใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิป และส่งให้ผู้ต้องหาดู หากไม่ยอมทำตามผู้กล่าวหาและลูก จะถูกทำร้าย และมักจะใช้ลูกของผู้กล่าวหาเป็นข้ออ้าง ในการบีบบังคับให้ใช้ไขควง หรือมีดลนไฟมาทาบร่างกายตัวเองให้ผู้ต้องหาดู โดยผู้กล่าวหาอยู่ในภาวะ จำยอม เนื่องจากเป็นห่วงลูกเกรงว่าจะได้รับอันตรายขู่ทำร้ายลูกเมียถ้าไม่ทำตามสั่งล่าสุด เมื่อเย็นวันที่ 7 ส.ค.66 ผู้ต้องหาบังคับให้ผู้กล่าวหาถ่ายวิดีโอ นำมีดลนไฟมาทาบที่น่องขวา จนพุพอง และให้ส่งให้ผู้ต้องหาดู โดยขู่เช่นเดิมว่า หากไม่ยอมทำตาม ผู้กล่าวหาและลูกจะถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง การกระทำดังกล่าวทำให้ผู้กล่าวหา ทุกข์ทรมานแสนสาหัส แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ตรวจสอบพบตามร่างกายมีรอยแผลเป็นบนใบหน้า หัวไหล่ และน่องที่ขาเป็นแผลเป็นฉกรรจ์ตามร่างกายและหน้าเสียโฉมอย่างติดตัว ทั้งนี้พนักงาน สอบสวนผู้ร้องและผู้เสียหายได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าหากปล่อยตัวแล้วจะหลบหนี ยากแก่การติดตามตัวภายหลังและจะข่มขู่ผู้เสียหาย ศาลอาญาอนุญาตให้ฝากขังตามคำร้องทั้ง 2 สำนวน ผู้ต้องหาไม่ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวชั้นฝากขังและถูกนำไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลางคืนแรกในคุกไอ้โหดนอนไม่หลับขณะที่นายนัสที ทองปลาด ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เผยถึงคืนแรกของนายส่องศักดิ์ ส่งแสง หรือเอ็ม ในเรือนจำว่า ฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังแดน 2 รายงานว่า รับตัว ข.ช.ส่องศักดิ์ ส่งแสง เลขหมาย 2932/66 เข้าเรือนจำฯ เมื่อวันที่ 21 ก.ย. เวลา 18.40 น. ตรวจค้นตัวตามมาตรการรับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ ถ่ายรูปและพิมพ์ลายนิ้วมือลงระบบข้อมูลผู้ต้องขัง พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการตรวจสุขภาพ สอบถามประวัติการรักษา ผู้ต้องขังแจ้งนอนไม่หลับ กระวน กระวายและป่วยเป็นจิตเวช (กลุ่ม 608) ต่อมาเวลา 20.55 น. ส่งตัวเข้าคุมขังที่ฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังแดน 2 ทานอาหารได้ตามปกติ นำตัวเข้าควบคุมในห้องกักโรค ที่ 13 มีผู้ต้องขังร่วมห้อง 13 คน สามารถปรับตัวในเรือนจำได้ และเมื่อเวลาประมาณ 07.30 น. ทานอาหารที่เรือนจำฯ จัดให้ได้ปกติ มื้อเช้าเป็นข้าวสวย แกงจืดไก่ใส่ผัก หลังทานอาหารได้พูดคุยกับเพื่อนผู้ต้องขังรายอื่นและนอนพักผ่อนได้ปกติทั้งนี้ เมื่อสอบถามไปยัง น.ส.โศรยา ฤทธิอร่าม ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง เกี่ยวกับสภาพอาการการนอนเรือนจำฯคืนแรกของ น.ส.สุนัน นาหัวนิล อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันกับนายส่องศักดิ์ ฆ่าลูกสาววัย 2 ขวบ น.ส.โศรยาแจ้งว่า ยังไม่ได้รับรายงานเนื่องจากขณะนี้ติดภารกิจปฏิบัติราชการ