ศาลฎีกาพิพากษายืนประหารชีวิต 3 สมาชิกแก๊งอดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี หลังก่อเหตุ อุ้มสาวทอมไปกักขังข่มขู่ ก่อนฆ่าปิดปากเอาศพฝังดิน-โบกปูนทับที่รีสอร์ตใน จ.กาญจนบุรี รวมทั้งให้ชดใช้เงินกว่า 1.6 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย ขณะที่ พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ อดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง โดนศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 15 ปี ในอีกคดีที่เกี่ยวเนื่องกันศาลฎีกาพิพากษายืนประหารชีวิตแก๊งอดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง เปิดเผยเมื่อวันที่ 1 ก.พ. มีรายงานว่า เย็นวันที่ 31 ม.ค.ศาลอาญาตลิ่งชัน อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์และนางสมพิศ ตรัยจันแดง นายบุญชู พลไธสง เป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้องนายชัยยุทธ หรือจบ เบ็ญจชาติ นายสามารถ แสงสิน นายภาณุเมศวร์ หรือจิ๋ว มีลา เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพอัยการฟ้องว่าระหว่างเดือน พ.ย.59-13 ธ.ค.59 จำเลยทั้งสามร่วมกับนายนิวัฒน์ หรือโจ๊ก สวยทอง นายภูมิทัศน์ หรืออุ๋ม พิบูรณ์สวัสดิ์ น.ส.กรรณิกา หรือดาว กรุมรัมย์ พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ อดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี นายสนอง หรือกำนันหนอง สมสิทธิ์ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในคดีหมายเลขดำที่ อ.13752/2560 ของศาลชั้นต้น กับพวกที่หลบหนีร่วมกันกระทำความผิด กล่าวคือ พ.ต.อ.อำนวย นายสนอง ร่วมกันจ้างวาน ยุยงส่งเสริมให้จำเลยทั้งสามในคดีนี้ร่วมกันกระทำผิดด้วยการข่มขืนใจบังคับเอาตัว น.ส.สุภัคสรณ์ หรือหญิง พลไธสง ผู้ตาย มีลักษณะนิสัยเป็นชายไปหน่วงเหนี่ยวกักขังและบังคับให้ผู้ตายเลิกมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวและทางการเงินกับ น.ส.กรรณิกา กรุมรัมย์ต่อมาวันที่ 13 ธ.ค.59 เวลากลางคืนหลังเที่ยงคืน จำเลยทั้งสามกับพวกแบ่งหน้าที่กันทำ ใช้กำลังประทุษร้าย ฉุด ลาก ดึงเอาตัวผู้ตายขึ้นรถกระบะ ไปหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้ตายไว้ตามอาคารต่างๆในจ.กาญจนบุรี และบังคับให้ผู้ตายเลิกมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวและทางการเงินกับ น.ส.กรรณิกา มี พ.ต.อ.อำนวย และนายสนอง เป็นผู้ใช้จ้างวาน ต่อมาผู้ตายขัดขืนและทราบว่าบุคคลใดเป็นผู้ก่อเหตุและร่วมกระทำความผิด ทำให้จำเลยทั้งสามกับพวกมีเจตนาฆ่าผู้ตายให้ถึงแก่ความตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ใช้มือหรือวัตถุอื่นใดอุดกั้นไม่ให้ผู้ตายหายใจได้ จนเป็นสาเหตุให้ผู้ตายขาดอากาศหายใจจนถึงแก่ความตาย แล้วนำไปฝังในหลุมที่ขุดเตรียมไว้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี ก่อนนำตะแกรงมาวางปิดไว้แล้วใช้ปูนซีเมนต์โบกทับ ปิดบังสาเหตุการตาย จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยทั้งสามกระทำความผิดตามฟ้องจริง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรม ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังจำคุกคนละ 3 ปี ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งเป็นบทหนักสุดลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม ฐานซ่อนเร้นอำพรางศพจำคุกคนละ 1 ปี แต่เมื่อลงโทษทุกกระทงแล้ว คงลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสามสถานเดียวและให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้เงิน 1,674,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.60 จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นต่อมาจำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นบางส่วน แต่ความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนพิพากษายืนลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสามสถานเดียวและให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยให้กับโจทก์ร่วม ต่อมาจำเลยทั้งสามยื่นฎีกา ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่าฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืนมีรายงานว่า สำหรับคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องนายนิวัฒน์ หรือโจ๊ก สวยทอง นายภูมิทัศน์ หรืออุ๋ม พิบูรณ์สวัสดิ์ น.ส.กรรณิกา หรือดาว กรุมรัมย์ พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ อดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี นายสนอง หรือกำนันหนอง สมสิทธิ์ กำนัน ต.ลาดบัวขาว อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานเดียวกันนั้น เมื่อวันที่ 31 ก.ค.62 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1, 2, 4, 5 ร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องจริง พิพากษาประหารชีวิตนายนิวัฒน์ หรือโจ๊ก จำเลยที่ 1 นายภูมิทัศน์ หรืออุ๋ม จำเลยที่ 2 สถานเดียว ส่วน พ.ต.อ.อำนวย จำเลยที่ 4 ลงโทษจำคุก 15 ปี นายสนอง หรือกำนันหนอง จำเลยที่ 5 ลงโทษจำคุก 10 ปี นอกจากนี้ ศาลยังมีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1, 2, 4, 5 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติผู้เสียชีวิต โจทก์ร่วมที่ 1 เป็นเงิน 2,790,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.60 ซึ่งเป็นวันกระทำละเมิด ส่วน น.ส.กรรณิกา หรือดาว กรุมรัมย์ จำเลยที่ 3 ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอ