โฆษก ตร.เผยผลสอบเบื้องต้น ตำรวจรับจ๊อบขี่รถนำสาวนักท่องเที่ยวจีนโผล่อีก 1 เป็นดาบตำรวจ สังกัดตำรวจท่องเที่ยว ทำหน้าที่รับงานจากชายไทยคนหนึ่งทำธุรกิจรถเช่ารับนักท่องเที่ยวหลังรู้จักกันเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว แฉวันเกิดเหตุไม่ว่างเลยให้ ร.ต.อ.ไปดูแลแทน จ่อตั้ง กก.สอบผู้บังคับบัญชาตำรวจทั้ง 4 นาย ประเด็นปล่อยปละ ละเลยหรือไม่ รวมทั้งอาจจะเชิญ 2 แม่ลูกชาวจีนที่ยังอยู่ในไทยมาให้ถ้อยคำเรื่องนี้ด้วย ด้าน “เสี่ยหนู” เล่นขำ เรื่องการท่องเที่ยวหากไปโฆษณาว่าใช้ตำรวจนำได้ ถ้าทำผิดมากๆจะมีรถนำไปโรงพัก ไปศาล ไปดำเนินคดีจากคำสั่งย้ายและตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ร.ต.อ.สมพล ภิญโญสโมสร รองสารวัตร กองกำกับการ 3 (รับผิดชอบสนามบินสุวรรณภูมิ) สังกัดบก.ทท.1 ส.ต.อ.ธนกร นุกูลธนกิจ และ ส.ต.อ.ธนวัฒน์ สิมะขจรบุญ 2 ตำรวจสังกัด บก.จร.หลังปรากฏในคลิปฉาวบริการนักท่องเที่ยวสาวชาวจีน ขี่รถ จยย. นำขบวนและนั่งรถยนต์ตำรวจไปส่งถึงโรงแรมที่พักในพัทยา เบื้องต้นพบว่าเป็นการใช้รถยนต์และรถ จยย.ส่วนตัวมาติดไซเรนและสัญญาณไฟวับวาบตามที่เสนอข่าวไปนั้นล่าสุดมี ด.ต.ท่องเที่ยวเอี่ยวโดนเด้งด้วยอีก 1 นาย เมื่อเช้าวันที่ 23 ม.ค. ที่กองบังคับการตำรวจจราจร ถนนวิภาวดีรังสิต มีรายงานว่า พ.ต.อ.สุกิจ อรุณฤกษ์ถวิล รอง ผบก.จร. ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี ส.ต.อ.ธนกร นุกูลธนกิจ และ ส.ต.อ.ธนวัฒน์ สิมะขจรบุญ 2 ตำรวจสังกัด บก.จร. ที่ปรากฏอยู่ในคลิปนักท่องเที่ยวสาวชาวจีน ได้เรียกประชุม พร้อมมีกระแสข่าวว่า 2 ตำรวจบก.จร.จะเข้าให้ข้อมูล จากการเฝ้าสังเกตไม่พบตัวทั้ง 2 ราย ขณะที่ตำรวจในคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ อ้างว่าอยู่ระหว่างประชุมมีรายงานว่า ในส่วน ส.ต.อ.ธนกรพบว่ามีเอกสารขอตัวช่วยราชการให้ไปขับรถนำขบวนให้กับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ พร้อมกับรถจักรยานยนต์นำขบวน ลงวันที่ 1 มิ.ย.65 อ้างอิงถึงหนังสือขอยืมตัวช่วยราชการ เมื่อวันที่ 26 มี.ค.64 และขอต่ออายุอีกครั้งวันที่ 26 มี.ค.65 จะครบกำหนดขอช่วยราชการในวันที่ 26 มี.ค.66 ขณะนี้พบว่าอาจใช้เวลานอกราชการรวมกลุ่มกับเพื่อนที่นำขบวนรัฐมนตรีมารับงานประเภทนี้โดยใช้รถยนต์ รถ จยย.ส่วนตัวส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีนี้ว่า จากการตรวจสอบคลิปที่ปรากฏในส่วนของตำรวจท่องเที่ยวพบดาบตำรวจคนหนึ่งเพิ่ม กลายเป็นตอนนี้ตำรวจท่องเที่ยวมี 2 นาย ที่เกี่ยวข้อง ด.ต.คนนี้ทำหน้าที่ประสานกับผู้ชายไทยคนหนึ่งที่รู้จักกับกลุ่มสองแม่ลูกนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาประเทศไทย วันนั้นนายดาบตำรวจไม่ว่าง โทรศัพท์ให้ ร.ต.อ.สมพล ภิญโญสโมสร รอง สว.กก.3 บก.ทท. 1 (รับผิดชอบสนามบินสุวรรณภูมิ) รับหน้าที่ดูแลนักท่องเที่ยวแทน กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้เรียกเข้าประจำ ศปก. และตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงไว้แล้วพล.ต.ต.อาชยนกล่าวว่า ส่วนตำรวจ 2 นาย สังกัด บก.จร.บช.น.ได้เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องพ.ร.บ.จราจรทางบก และ พ.ร.บ.เครื่องหมายราชการ เรื่องการนำไซเรนและเครื่องหมายราชการมาติดที่รถ ตำรวจภูธรภาค 1 จะดำเนินการในส่วนที่จะเป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นในคลิปวันนั้น ขณะที่จเรตำรวจเตรียมสรุปเบื้องต้นเพื่อตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่จะลงโทษทางวินัยและทางอาญาได้ต่อไป ทั้งนี้ต้องเชิญชายคนไทยมาให้ปากคำเพื่อให้ข้อมูลครบถ้วน ผู้ชายคนนี้ทำเกี่ยวกับเรื่องรถเช่าที่มารับนักท่องเที่ยวต่างๆ จากการสอบปากคำพบว่าไปรู้จักกันที่งานงาน หนึ่งช่วงเดือนพฤศจิกายนได้รู้จักกับรถนำขบวนเลยแลกเบอร์กันไว้เมื่อมีงานจึงติดต่อมา ส่วนประเด็นการรู้จักชาวจีนจะต้องเชิญเข้ามาให้ถ้อยคำสอบถามเรื่องราวว่าเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนกรณีเงินที่ปรากฏในคลิป 200 บาท แจ้งว่าเป็นเงินค่าทางด่วน แต่เรื่องเงิน 7,000 บาท ขอดูรายละเอียดการให้ปากคำอีกครั้งหนึ่งพล.ต.ต.อาชยนกล่าวต่อว่า ในส่วนซับที่แปลเป็นไทยในส่วนนักท่องเที่ยว กรรมการมีแนวคิดจะเชิญมาให้ถ้อยคำ เพราะทั้งคู่ยังอยู่ในประเทศมีโอกาสที่จะเชิญมาให้ถ้อยคำ ทั้งนี้ ในทุกประเด็น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการตั้งแต่วันแรกที่เห็นคลิปให้จเรตำรวจ สอบประเด็นให้ครบทุกมิติ ทั้งเรื่องการเรียกรับ วิธีการ ทำมากี่ครั้ง ทำมาในรูปแบบบริษัทหรือประสานงานกับคนนอกอย่างไร จะต้องพิสูจน์ทราบให้ชัดเจนอยู่แล้ว เช่นเดียวกับกระแสข่าวที่ระบุว่าเป็นตำรวจที่ขับรถนำรัฐมนตรี ต้องสอบประเด็นให้ครบทุกมิติ เรียนว่าในเรื่องของตำรวจจะต้องไปพิจารณาว่าผู้บังคับบัญชาให้ไปปฏิบัติหน้าที่อะไร ในวันนั้นเข้าเวรหรือไม่ เข้าเวรแล้วมาทำงานพิเศษ หรือไม่ได้เข้าเวรเป็นวันพักจะต้องเริ่มต้นที่ตรงนี้มากกว่าโฆษก ตร.กล่าวว่า จากการตรวจสอบทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นของส่วนตัว นำมาติดตั้งไซเรนและเครื่องหมายที่เป็นราชการ ส่วนประเด็นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ต้องพิจารณาเรื่องข้อเท็จจริงประกอบกันทั้งหมด ถ้าเข้าวินัยหรือหากเข้าอาญาด้วยก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีกระแสข่าวว่ามีการปรับราคาขึ้นเพราะเป็นเรื่องดังในประเทศไทยคิดว่าตอนนี้ทุกอย่างคงไม่มีความลับ บอกไว้เลยว่าการกระทำลักษณะนี้ทำไม่ได้ เรื่องการนำขบวน การอำนวยความสะดวกกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ ทำไม่ได้ มีระเบียบมติ ครม.เมื่อ ก.ย.44พล.ต.ต.อาชยนกล่าวอีกว่า ได้กำชับเรื่องการขอรถนำขบวน ประกอบด้วย 2 ประเด็น คือ รถนำขบวนที่นำโดยปกติ และรถนำขบวนที่ขอเป็นครั้งคราว การขอเป็นครั้งคราวถ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ต้องขอจากผู้บังคับการตำรวจจราจร หากนอกพื้นที่กรุงเทพฯต้องขอผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ส่วน ผบ.ตร.มีอำนาจพิจารณาเป็นรายๆไป ที่ผ่านมาไม่สามารถให้นักท่องเที่ยวส่วนตัว บุคคลใดบุคคลหนึ่ง เว้นแต่แขกสำคัญของราชการ หรือกลุ่มที่เป็นกรุ๊ปเป็นกลุ่มของการเดินทาง ทางราชการ หรือการทัศนศึกษาของเด็กนักเรียน หรือกลุ่มทัวร์ที่จะมาทำประโยชน์หรือมีผลที่จะทำให้ประเทศไทยได้ประโยชน์เรื่องการท่องเที่ยวจะพิจารณาเป็นรายๆไป จากการประสานงานของหน่วยราชการที่ขอมาและมีเหตุผลหลักคือเพื่อความปลอดภัยของขบวน และเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่บนถนนโฆษก ตร.ยังกล่าวว่า สำหรับตำรวจที่เกี่ยวข้อง บก.จร. และ บช.ทท. ได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนผู้บังคับบัญชาที่ควบคุมกำกับดูแลเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นายไว้ด้วย จะมีคำสั่งซ้อนมาอีก 1 คำสั่ง พิจารณาว่ามีการปล่อยปละละเลย หรือรับทราบเรื่องของการปฏิบัติเจ้าหน้าที่ในส่วนของผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองอย่างไรหรือไม่ ยอมรับว่า การสังเกตรถนำ เข้าใจว่าอาจจะเป็นเรื่องยาก ผบ.ตร.กำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นตั้งแต่ผู้บัญชาการ ผู้บังคับการ ผู้กำกับการ สอดส่องดูแลความประพฤติผู้ใต้บังคับบัญชาโดยเคร่งครัด ในการปฏิบัติเช่นนี้จะต้องไม่มีอีก หากประชาชนพบข้อมูลหรือมีข้อสงสัยส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติยินดีที่จะตรวจสอบ ถ้าพบการกระทำผิดหรือเข้าข่ายการดำเนินการจะทำอย่างเต็มที่ไม่มีละเว้น จะดำเนินการทุกราย ส่วนประเด็นของ ตม. ได้ตรวจสอบแล้วในกรณีนี้ยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องหรือมีความเชื่อมโยงมีรายงานว่า ดาบตำรวจท่องเที่ยวที่ได้รับการ ติดต่อประสานงานมาคือ ด.ต.ขจรศักดิ์ แผ่นผา ผบ.หมู่ กก.3 บก.ทท. 1 ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า เรื่องที่เกิดอาจใช้วิธีซิกแซ็ก แต่ถามว่าในกฎหมายมีหรือไม่ ยืนยันว่าไม่มี การใช้ทรัพย์สินหรือบุคลากรของราชการไปอำนวยความสะดวกคนที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ไม่มีความจำเป็น ไม่สามารถทำได้ เป็นเรื่องที่หน่วยงานต้นสังกัดต้องไปแก้ไขปัญหา และตรวจสอบว่าทำผิดระเบียบหรือไม่ มีข้อกำหนดการลงโทษอยู่แล้ว ยืนยันว่าในด้านการท่องเที่ยวหากไปโฆษณาว่าใช้ตำรวจนำได้ ถ้าทำผิดมากๆจะมีรถนำเหมือนกัน นำไปโรงพักไปศาล ไปดำเนินคดี เรามีระบบที่เป็นมาตรฐานอยู่แล้วเมื่อถามถึงมีการประชาสัมพันธ์ในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนว่าสามารถทำลักษณะนี้ได้ในไทย นายอนุทินกล่าวว่า การตั้งใจกระทำผิดเพื่อประโยชน์สร้างรายได้ เป็นความเสี่ยงของผู้กระทำ หากคนเชื่อ แล้วไปใช้บริการ เมื่อวันหนึ่งทำไม่ได้ คนที่ทำ ก็เดือดร้อนอาจต้องถูกดำเนินคดี สุดท้ายธุรกิจไม่ยั่งยืน คนที่โฆษณาแบบนี้ถือว่าผิดต่อลูกค้า แต่คนที่ให้บริการแบบนี้ผิดกฎหมายบ้านเมือง ผิดระเบียบ หากผิดจริงต้องลงโทษ ไม่ได้เป็นส่วนที่ประเทศไทยสูญเสียนักท่องเที่ยว เพราะเราไม่ได้โฆษณาว่ามาเมืองไทยแล้วมีรถนำ เมื่อถามว่ากลายเป็นภาพลักษณ์ประเทศไทยถูกมองว่าทุกอย่างซื้อได้ด้วยเงินหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ใจเย็นๆผู้หญิงคนเดียวที่พูด น่าเชื่อถือแค่ไหน ไม่ได้เป็นบริษัท ไม่ได้มีรูปแบบ ชื่ออะไรก็ไม่รู้ วันนี้ถ้าโทร.ไปหาตามคลิปวิดีโอ ยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร เวลาเรารับข้อความเราต้องวิเคราะห์ว่าเป็นไปได้หรือไม่ เมืองไทยหมูอย่างนั้นหรือ เมืองไทยกระจอกอย่างนั้นหรือ ต้องไปทำแบบนี้เพื่อเรียกนักท่องเที่ยว ในเมื่อทุกวันนี้ทั้งจีน ตะวันออกกลาง ยุโรป ประเทศตะวันตกทั้งหลายก็โหวตประเทศไทยเป็นลำดับ 1 ในเป้าหมายที่จะมาท่องเที่ยว