จากเวทีสัมมนา “ภาพลามกอนาจารและการแสวงหาประโยชน์ทางเพศเด็กออนไลน์...ทางออกประเทศไทย” นางนันทา ไวคกุล ผอ.กองคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กล่าวว่า กรมมีศูนย์ประสานงานขับเคลื่อนการส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนในการใช้สื่อออนไลน์ หรือโคแพท (COPAT) ทำหน้าที่เฝ้าระวัง แจ้งเตือนภัยออนไลน์ ทำงานทั้งระดับนโยบายและการปฏิบัติ เพื่อให้เด็กเยาวชนใช้สื่อออนไลน์อย่างปลอดภัยสร้างสรรค์ มีการจัดทำสื่อให้ความรู้ถึงผลกระทบจากการใช้สื่อออนไลน์เพื่อป้องกัน และเฝ้าระวัง ผลักดันให้ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพิ่มฐานความผิด grooming, sexting, sextortion, cyber stalking และ cyber bullyingดร.ศรีดา ตันทะอธิพานิช กรรมการผู้จัดการมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย และผู้จัดการสายด่วนอินเทอร์เน็ต ไทยฮอตไลน์ กล่าวว่า แต่ละปีไทยฮอตไลน์ได้รับแจ้งจากทั้งในและต่างประเทศให้ติดตามลบภาพอนาจารทางเพศเด็กเป็นหมื่นครั้ง ตัวเลขการแจ้งผ่านไทยฮอตไลน์มีแนวโน้มสูงขึ้น ปีล่าสุดได้รับแจ้งมากกว่า 15,000 ครั้ง ทั้งนี้ ผลสำรวจสถานการณ์เด็กไทยกับภัยออนไลน์ ประจำปี 2565 ที่สำรวจเด็ก 31,945 คน บ่งชี้ว่าเด็กไทยมีความเสี่ยงภัยออนไลน์สูงขึ้น โดย 81% มีสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเอง 85% ใช้โซเชียลมีเดียทุกวัน เป็นการเพิ่มโอกาสเข้าถึงเนื้อหาผิดกฎหมายและการติดต่อที่อาจเป็นอันตราย ทั้งนี้ 50% เข้าถึงสื่อลามกอนาจารออนไลน์ 36% ยอมรับเคยถูกจีบออนไลน์ โดยเด็กประถม 12% บอกว่ามีประสบการณ์นี้แล้ว ซึ่งอาจนำไปสู่การคบหา หลอกขอภาพลับ นัดพบ ละเมิดทางเพศ และถ่ายรูปไว้ข่มขู่ แบล็กเมล์ กรูมมิ่ง เป็นภัยร้ายรูปแบบใหม่ที่ผู้ใหญ่ตั้งใจเข้ามาตีสนิทสร้างความไว้วางใจกับเด็กเมื่อสบโอกาสก็แยกเด็กออกจากเพื่อนหรือครอบครัวนำไปสู่การล่อลวงทางเพศ หรือกระทำอนาจารผ่านกล้อง แล้วบันทึกภาพไว้ควบคุมเด็กให้ยอมทำตาม เด็กหลายรายไม่กล้าบอกใครจนเกิดความเครียดถึงขั้นฆ่าตัวตาย ดังนั้น ประเทศไทยควรออกกฎหมายลงโทษคนที่กำลังล่อลวงเด็กเพื่อวัตถุประสงค์ทางเพศ หรือกรูมมิ่งร.ต.อ.เขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผอ.ศูนย์คดีละเมิดทางเพศเด็ก กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ปัจจุบันมีการประกอบธุรกิจแสวงประโยชน์ทางเพศ การค้าสื่อลามกอนาจารเด็กมากขึ้น จึงเสนอการปรับแก้กฎหมายให้ทันสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายป้องกันการล่อลวงละเมิดทางเพศเด็กหรือกรูมมิ่ง จะต้องมีหน่วยงานหลักมาประสานการทำงานอย่างแท้จริง.