“แอ๊ด คาราบาว” งานงอก “พ่อเมืองขุนแผน” สั่งนิติกรรวบรวมพยานหลักฐานเข้าแจ้งตำรวจ สภ.สองพี่น้อง ดำเนินคดีข้อหา “หมิ่นประมาทเจ้าพนักงานด้วยการโฆษณา” แม้อีกฝ่ายจะออกมาโพสต์ ขอโทษแล้ว ผู้ว่าฯสุพรรณบุรีคู่กรณีแจงเหตุผลระบุส่วนตัวไม่ติดใจเอาความ เพราะไม่เคยมีเรื่องขุ่นข้อง หมองใจต่อกัน แต่ต้องการสร้างบรรทัดฐานทางสังคม จะไม่ยอมให้ใครมาหมิ่นเกียรติข้าราชการได้ง่ายๆบานปลายใหญ่โต กรณีนายยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ด คาราบาว ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตชื่อดัง และศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ปี 2556 ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตงานวันเกิดกำนันคนดังใน ต.บางเลน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ด่ากราดพาดพิง ผวจ.สุพรรณบุรี ด้วยถ้อยคำหยาบคาย เพราะโมโหที่ถูกห้ามเล่นคอนเสิร์ตในงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ ต่อมานายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผวจ.สุพรรณบุรี อัดคลิปชี้แจงว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดเพราะช่วงนั้นมีสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด ทำให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์การกระทำที่ไม่เหมาะสมของนักร้องคนดัง กระทั่ง “แอ๊ด คาราบาว” ได้ออกแถลงการณ์สำนึกผิด รับเป็นอารมณ์ชั่ววูบที่ขาดสติ และกราบขออภัยผู้ว่าฯ พร้อมอ้าแขนรับความผิดดราม่าเรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆ เมื่อผู้ว่าฯเมืองขุนแผนมอบหมายให้นิติกรเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับขุนพลเพลงเพื่อชีวิตคู่กรณี เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 ต.ค. นายเดชะ สิทธิสุทธิ์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับมอบอำนาจจากนายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผวจ.สุพรรณบุรี นำนิติกรชำนาญการ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.เกียรติชัย เกิดโชค ผกก.สภ.สองพี่น้อง และ ร.ต.อ.หญิงอัจฉรี วุฒิวัฒนา พนักงานสอบสวน สภ.สองพี่น้อง เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ นายเดชะ สิทธิสุทธ์ิ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าฯสุพรรณบุรี ให้มาแจ้งความดำเนินคดีกับนายยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ด คาราบาว กรณีที่พูดพาดพิงถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ในการแสดงคอนเสิร์ตเมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา ส่วนจะเป็นข้อกล่าวหาใดนั้น ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนจะพิจารณาว่าเข้าข่ายของคดีอาญาอย่างไรต่อมา พล.ต.ต.เกรียงไกร วุฒิพานิช ผบก.ภ.จ.สุพรรณบุรี เดินทางมาที่ สภ.สองพี่น้อง พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า มาติดตามดูความเรียบร้อย ในเบื้องต้นได้ให้ ผกก.สภ.สองพี่น้อง พร้อมพนักงานสอบสวน รับเรื่องแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้ก่อน ส่วนเรื่องการดำเนินการจะให้เจ้าหน้าที่สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดตามระเบียบ จากนั้นจะแจ้งข้อกล่าวหา “หมิ่นประมาทเจ้าพนักงานด้วยการโฆษณา” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 -328 กับนายยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ด คาราบาว ต่อไป และให้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานดำเนินคดี ออกหมายเรียกมารับทราบข้อหานายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผวจ.สุพรรณบุรี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวกรณีที่นายยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ด คาราบาว ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตชื่อดังและศิลปินแห่งชาติ โพสต์ข้อความขอโทษทางโซเชียลว่า ทราบว่าแอ๊ดโพสต์ขอโทษตนแล้ว ส่วนตัวในฐานะนายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ยอมรับคำขอโทษ แต่อยากบอกว่าสถานะที่ตนปฏิบัติหน้าที่ในวันนี้ ไม่ใช่นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป อย่างเดียว แต่เป็นตำแหน่งในหน้าที่ราชการ มีระเบียบ กฎเกณฑ์ จรรยาบรรณ ที่ต้องดูแล เพราะตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อีกไม่เกิน 2 ปี ตนจะเกษียณอายุราชการ จะมีคนใหม่มาอยู่ในตำแหน่งนี้และจะต้องดูแลรักษาตำแหน่งนี้ให้สมศักดิ์ศรี ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม“ตำแหน่งผู้ว่าฯต้องให้ความสำคัญ เพราะเป็นตำแหน่งผู้นำระดับจังหวัด มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เรื่องนี้เป็นการดูถูกดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ไม่ใช่การหมิ่นประมาทส่วนตัว เพราะในเรื่องส่วนตัว ผมไม่ได้ติดใจอะไร คิดว่าคนเราผิดพลาดกันได้ ไม่มีอะไรต้องมาโกรธเคืองกัน และการที่แอ๊ดได้ขอโทษแล้วนั้น ผมรับได้ และรู้สึกดีใจ เนื่องจากส่วนตัวไม่มีอะไรขุ่นข้องหมองใจต่อกัน แต่ในส่วนหน้าที่การงาน ต้องดำเนินการตามกรอบกฎหมายเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานทางสังคมว่าใครจะมาดูหมิ่นเกียรติผู้ว่าราชการจังหวัดง่ายๆไม่ได้เด็ดขาด” นายณัฐภัทรกล่าววันเดียวกัน กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ได้รับรายงานจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุพรรณบุรี กรณีนายยืนยง โอภากุล หรือ “แอ๊ด คาราบาว” ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตชื่อดัง และศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักร้อง-นักประพันธ์เพลงไทยสากล) ประจำปี 2556 ใช้ถ้อยคำหยาบคายด่าทอนายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผวจ.สุพรรณบุรี บนเวทีคอนเสิร์ตใน ต.บางเลน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี และถูกนายณัฐภัทร มอบหมายให้เจ้าหน้าที่นิติกรแจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานนั้น สวธ.จะรอดูว่าจะแจ้งความดำเนินคดีข้อหาอะไรบ้าง จากนั้นจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) เพื่อพิจารณาเข้าข่ายศิลปินแห่งชาติที่มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือไม่ หาก กวช.เห็นว่าทำให้เสื่อมเสีย สามารถพิจารณาถอดถอนออกจากศิลปินแห่งชาติได้ทั้งนี้ หลักเกณฑ์การพิจารณาศิลปินแห่งชาติ ระบุว่า เมื่อได้ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ใดเป็นศิลปินแห่งชาติแล้ว หากปรากฏว่าศิลปินแห่งชาติผู้นั้นมีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ โดยต้องใช้เสียงคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ลงมติด้วยเสียงอย่างน้อยสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ อาจยกเลิกการยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติได้