ช้างป่า 2 แม่ลูกชะตาขาดออกหากินเหนือน้ำตกเหวนรก อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พลาดลื่นตกคลองถูกกระแสน้ำเชี่ยวพัดร่างไปปะทะโขดหินจมน้ำตายทั้งคู่ เจ้าหน้าที่ยังเข้ากู้ซากไม่ได้เพราะน้ำไหลแรงและเป็นหน้าผาสูงชัน หัวหน้าอุทยานฯสั่งปิดน้ำตกเหวนรกทันที หวั่นช่วงหน้าฝนจะเกิดอันตรายซ้ำซ้อนกับนักท่องเที่ยวขณะที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ พบซากช้างเพศผู้นอนตายกลางหุบเขา สภาพถูกเฉือนเนื้อและทุบกรามแตกเพื่อถอดงาคู่งาม ยังไม่ฟันธงสาเหตุช้างล้มตายเอง หรือถูกพรานโหดสังหารสลดช้างป่า 2 แม่ลูกลื่นตกน้ำตกเหวนรกจมน้ำตาย เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 ก.ค. นายชัยยา ห้วยหงษ์ทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สั่งการให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังรับแจ้งจากเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ขญ.2 (เหวนรก) ว่า เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 26 ก.ค. มีนักท่องเที่ยวพบช้างป่าพลัดตกน้ำตกเหวนรก ต.นาหินลาด อ.ปากพลี จ.นครนายก พร้อมได้ประสานส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุในเวลา 17.00 น. แต่เนื่องจากสภาพทัศนวิสัยยากต่อการมองเห็น ได้วางแผนร่วมกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จะเข้าตรวจสอบในช่วงสายวันที่ 27 ก.ค.เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปยังน้ำตกเหวนรก บริเวณชั้นที่ 2 พบซากช้างป่า 2 ตัว ถูกกระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดไปติดกับโขดหินกลางลำน้ำในน้ำตกเหวนรก จากการสังเกตซากช้างทั้ง 2 ตัว ลักษณะเป็นช้างเพศเมีย 1 ตัว และลูกช้าง ไม่ทราบเพศ 1 ตัว ได้บันทึกภาพซากช้างป่าทั้ง 2 ตัว เพื่อรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ต่อมาเจ้าหน้าที่เดินทางไปที่ สภ.นาหินลาด จ.นครนายก เพื่อลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานว่า มีช้างป่าพลัดตกน้ำตกเหวนรกตาย 2 ตัว เป็นช้างแม่ลูกกัน อุทยานฯเขาใหญ่ยังเข้าไปเก็บกู้ซากช้างทั้งสองไม่ได้ เพราะช่วงฤดูฝนกระแสน้ำเชี่ยวเกรงจะเป็นอันตรายนายชัยยา ห้วยหงษ์ทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เผยกรณีช้างป่า 2 ตัว ถูกกระแสน้ำเชี่ยวซัดตกจากหน้าผาลาดชันของน้ำตกเหวนรก ชั้นที่ 1 ที่มีความสูงราว 50 เมตร ลงมาสู่ชั้นที่ 2 ของน้ำตกเหวนรก ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเย็นวันที่ 26 ก.ค. สาเหตุเกิดจากเส้นทางเหวนรกลื่น เนื่องจากในช่วง 3 วันก่อนเกิดเหตุ เกิดพายุฝนตกต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน ทำให้น้ำป่าไหลทะลักลงในพื้นที่ลุ่มต่ำ และน้ำตกเหวนรกมีปริมาณน้ำที่รุนแรงจนทำให้ช้างตกลงไป หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบรอบบริเวณเหนือน้ำตกเหวนรกที่มีรั้วเพนียดกั้นแนวเหวไว้ทั้งหมด แต่ไม่พบร่องรอยช้างป่าเดินในบริเวณหลังน้ำตก ประกอบกับมีไฟสปอตไลต์ส่องสว่างตลอดทั้งคืน และติดสัญญาณเตือนภัยเมื่อมีช้างป่าเข้าใกล้ คาดว่าช้างป่าทั้ง 2 ตัวดังกล่าวคงมากับฝูงขณะมีน้ำป่า และเกิดอุบัติเหตุลื่นพลัดตกคลองในป่าเหนือบริเวณน้ำตก นอกจากช่วยตัวเองไม่ได้ ยังถูกกระแสน้ำเชี่ยวพัดไหลลงมาน้ำตกชั้นล่าง“สำหรับมาตรการป้องกัน ปกติมีรั้วเสาปูนขนาดใหญ่เป็นเพนียดกันช้างป่าตลอดแนวเหนือหน้าผาน้ำตก แต่จะเสริมเพิ่มตรงที่มีเสาห่าง มีเจ้าหน้าที่เฝ้าในช่วงฝนตก และสั่งปิดน้ำตกเหวนรกในช่วงนี้ด้วย เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซ้อน” หัวหน้าอุทยานฯเขาใหญ่กล่าวด้านนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า ช้างที่ถูกกระแสน้ำเชี่ยวซัดตกจากหน้าผาเหวนรก น่าจะลื่น ขณะนี้ยังเก็บกู้ซากช้างไม่ได้ ที่ผ่านมาช้างไม่ค่อยได้ผ่านเส้นทางนี้หรือผ่านมาก็น้อย แม้จะมีแนวป้องกัน แต่เส้นทางลื่นมาก กรมอุทยานฯจะพยายามแก้ปัญหาช้างตกเหวนรกให้เร็วที่สุดอีกเหตุบ่าย 3 โมงวันเดียวกัน นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ พ.ต.ท.มณีภัทร เพ็งเกร็ด สว. (สอบสวน) สภ.ลาดหญ้า และนายวสันต์ สุนจิรัตน์ กำนันตำบลช่องสะเดา ร่วมตรวจสอบซากช้างป่าไม่ทราบเพศนอนตายอยู่กลางหุบเขา ท้องที่ป่าบ้านโป่งปัด หมู่ 3 ต.ช่องสะเดา อ.เมืองกาญจนบุรี เบื้องต้นพบว่าเป็นช้างเพศผู้ มีอายุกว่า 30 ปี ตายมาแล้วกว่า 2 เดือน มีรอยเฉือนหนังบริเวณกรามและทุบให้กรามแตกเพื่อเอางาออกไปนายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เปิดเผยว่า ช้างตัวดังกล่าวยังระบุสาเหตุการตายไม่ได้ชัดเจน สภาพทั่วไปพบมีร่องรอยการใช้ของมีคมเฉือนเปิดช่วงกราม และทุบกรามให้แตก น่าจะเป็นการถอดเอางาไป แต่เมื่อยังไม่รู้สาเหตุการตายที่แท้จริง ทำให้ยังสรุปไม่ได้ว่าผู้ที่มาเอางาออกจากซากช้าง เป็นคนทำให้ช้างตายหรือไม่อย่างไร ต้องรอการพิสูจน์สาเหตุการตายที่แน่ชัดอีกครั้ง ได้ประสานทีมสัตวแพทย์ของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เข้ามาตรวจสอบซากช้างและทำบันทึกการตรวจสอบ ส่งพนักงานสอบสวน สืบหาตัวผู้กระทำผิดหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งการนำเอางาช้างออกไปหรือเป็นผู้ทำให้ช้างตาย ก่อนหน้านี้ช่วงเดือนกุมภาพันธุ์ 65 เคยมีรถตู้ประสบเหตุชนช้างป่าสลักพระกลางดึก และช้างตัวดังกล่าวได้เดินหนีเข้าไปในป่า การตามร่องรอยในช่วงนั้นพบว่าช้างยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ไม่แน่ใจว่าช้างตัวที่ตายนี้ จะเป็นช้างตัวเดียวกับที่ถูกรถตู้พุ่งชนหรือไม่