หลังลาวเปิดเส้นทางรถไฟลาว-จีน กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ในโลกโซเชียล โดยเฉพาะการวิตกกังวลว่า กองทัพพืชผักผลไม้จากจีนจะทะลักเข้าไทย ทำเกษตรกรบ้านเราเดือดร้อน...ประเด็นนี้จะไม่ขอพูดถึง เพราะมีขั้นตอนกระบวนการบริหารจัดการได้ไม่ยากนักแต่เรื่องที่น่าสนใจคือ เราจะได้ประโยชน์อะไรกับเรื่องนี้ เฟซบุ๊กของ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ ให้ข้อมูลไว้ว่า...ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เรากำลังขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ เชื่อมไทย เชื่อมลาว เชื่อมโลก และวางหมุดหมายใหม่เรียกว่า “อีสาน เกตเวย์” และ “ระเบียงเศรษฐกิจอีสาน” โดยกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ยุทธศาสตร์นี้เป็นคานงัดที่จะเปลี่ยนอนาคตของอีสานและประเทศของเรา หลังรถไฟลาว-จีนเปิดบริการได้อย่างสมบูรณ์ภายในครึ่งแรกของปีหน้า เมื่อนั้น จ.หนองคาย จะกลายเป็นเกตเวย์ที่มีศักยภาพใหม่อีกแห่งของประเทศ เชื่อมไทยเชื่อมลาวเชื่อมจีนเชื่อมเอเชียกลางเชื่อมยุโรปเพราะในความเป็นจริงลาวกำลังพัฒนาระบบโลจิสติกส์ และเขตเศรษฐกิจพิเศษหลายโครงการ ตั้งแต่เหนือสุดถึงใต้สุด โดยทุกโครงการร่วมลงทุนกับต่างประเทศ เช่น จีน ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซียและเกาหลี เป็นต้นเนื่องจากลาวต้องการเปลี่ยนข้อจำกัดเดิม จากประเทศไม่มีทางออกทะเลอยู่ในมุมอับ (Land Locked) สู่ประเทศแห่งความเชื่อมโยง (Land of Connectivity)โครงการท่าเรือน้ำลึกหวุงอ๋าง เป็นอีกโครงการที่สำคัญมากสำหรับอนาคตลาว รวมถึงอนาคตของไทย โดยลาวเร่งพัฒนาเส้นทางเชื่อมเวียงจันทน์ แขวงบอลิคำไซ กับแขวงคำม่วน (ตรงข้ามจังหวัดนครพนม) ไปยังจังหวัดฮาติงห์ของเวียดนามโครงการนี้สำคัญมากๆ เพราะจะเป็นช่องทางสู่โลกกว้างแห่งโอกาสที่สั้นที่สุด เหนืออื่นใดคือเป็นท่าเรือน้ำลึกในแผ่นดินเวียดนามที่เสมือนลาวเป็นเจ้าของ เนื่องจากบริษัทรัฐวิสาหกิจพัฒนาท่าเรือหวุงอ๋าง ลาว-เวียดนาม มีลาวถือหุ้น 60% เวียดนาม 40%.สะ–เล–เต