เมื่อวันที่ 22 ม.ค.สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสมาคมวิทยุและสื่อเพื่อเด็กและเยาวชน (สสดย.) จัดเสวนาออนไลน์ “การรับมือกับสถานการณ์การระรานทางออนไลน์ของเด็กไทย ” นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกวุฒิสภา และประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาสกล่าวว่า การพัฒนาและขยายสื่อดี สำคัญต่อการพัฒนาการเรียนรู้ และสุขภาวะทางปัญญาของเด็ก โดยเฉพาะการรับมือกับภัยจากการระรานทางออนไลน์ด้าน ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า การถูกระรานทางออนไลน์ถือเป็นมหันตภัยที่พบเห็นได้ทั่วไป ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตผู้ตกเป็นเหยื่อจนเกิดปัญหาในการดำเนินชีวิตและสุขภาพ สสส.จึงร่วมกับ สสดย.จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายที่ครอบคลุมมิติต่างๆ ดังนี้ 1.ระบบการป้องกันปัญหา สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด็กก่อนอายุ 13 ปี 2.ระบบการช่วยเหลือและเยียวยาเด็กที่ได้รับผลกระทบ มีมาตรการทางกฎหมาย และแนวทางการทำงานที่จะสามารถช่วยเหลือเหยื่อได้ 3.พัฒนาองค์ความรู้และการสื่อสารในสังคม และ 4.หน่วยงานกลางที่มีความยืดหยุ่นเป็นศูนย์กลางในการดูแลเด็กและเยาวชนอย่างเป็นองค์รวม ทั้งนี้ทุกภาคส่วนควรให้ความสำคัญในการสร้างเสริมสุขภาวะทางปัญญา พัฒนาทักษะการเป็นผู้ใช้และสร้างสรรค์สื่อที่มีความรอบรู้ เท่าทัน ควบคู่ไปกับการร่วมสร้างระบบนิเวศสื่อสุขภาวะขณะที่ ดร.ธีรารัตน์ พันทวี วงศ์ธนะเอนก นายกสมาคม สสดย. กล่าวว่า จากการศึกษาการรับมือกับสถานการณ์การระรานทางออนไลน์ของเด็กไทย ปี 2563 พบว่า เด็กมัธยมศึกษาทุกภูมิภาค 3,240 คน ร้อยละ 21.6 เคยถูกระรานทางออนไลน์ในรอบปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ร้อยละ 59.2 ถูกระรานอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ร้อยละ 18 ถูกระรานหลายครั้งต่อสัปดาห์ โดยช่องทางเฟซบุ๊กมากที่สุดถึงร้อยละ 53.35 รองลงมาคือ เกมออนไลน์ อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ แอปพลิเคชันไลน์ และแอปพลิเคชันติ่กต่อก ตามลำดับ ผลกระทบจากการถูกระราน ร้อยละ 44.79 รู้สึกวิตกกังวล ร้อยละ 37.38 รู้สึกเจ็บปวดและเศร้า ร้อยละ 23.11 อยากแก้แค้น ร้ายแรงสุดร้อยละ 17.26 อยากฆ่าตัวตาย เมื่อศึกษาถึงพฤติกรรมการระรานทางออนไลน์ผู้อื่น พบว่ามีเด็กร้อยละ 14.1 เคยระรานทางออนไลน์ผู้อื่น ซึ่งร้อยละ 76.0 ระรานทางออนไลน์อย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ที่น่าตกใจ คือ ร้อยละ 33.55 หรือ 1 ใน 3 รู้สึกสะใจ ดังนั้นการสร้างความตระหนักถึงปัญหา เข้าใจผลกระทบผ่านกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์จะช่วยบรรเทาปัญหา.