มาว่ากันต่อ กรณีคนขบวนการสหกรณ์ชักแถวคัดค้านร่างกฎกระทรวงของกรมส่งเสริมสหกรณ์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา...ตั้งข้อรังเกียจ ไม่เป็นเหมือนที่อ้างว่าจะช่วยให้สหกรณ์มีความเข้มแข็งทางการเงินและเกิดประโยชน์ที่แท้จริงแก่สมาชิกแต่อย่างใดซ้ำร้ายจะเป็นการบอนไซสหกรณ์ และผลักไสสมาชิกสหกรณ์ให้มีหนี้นอกระบบมากยิ่งขึ้นจะเข้าใจในเรื่องนี้ ก่อนอื่นต้องรู้ว่าสมาชิกสหกรณ์เหมือนกับคนทั่วๆ ไป มีปัญหาเรื่องชักหน้าไม่ถึงหลังกันทั้งนั้น ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง เลยต้องพึ่งพาเงินกู้สหกรณ์เพราะดอกเบี้ยต่ำกว่ากู้จากแหล่งอื่น และร่างกฎกระทรวง 5 ฉบับ ที่คนขบวนการสหกรณ์ไม่เห็นด้วย มีจุดหลักๆแค่เพียง 2 เรื่องหนึ่งนั้น...เรื่อง กำหนดให้การกู้เงินสามัญของสมาชิกต้องชำระคืนให้เสร็จภายใน 150 งวด หรือ 12.5 ปี ซึ่งสหกรณ์เห็นว่า ควรกำหนดเป็นไม่เกิน 180 งวด (15 ปี) จะเหมาะสมและผ่อนคลายแก่สมาชิกมากกว่ากำหนดให้ผ่อนหนี้สั้นลง การผ่อนชำระแต่ละงวดต้องจ่ายหนักขึ้น ...สมาชิกและตัวสหกรณ์ จะปรับตัวอย่างไร ในเมื่อมีสหกรณ์หลายแห่งกำหนดให้ผ่อนชำระมากกว่า 150 งวดไปจนถึง 300 งวด จะทำกันอย่างไรแม้กรมส่งเสริมสหกรณ์จะอ้างว่า กฎกระทรวงในเรื่องนี้มีบทเฉพาะกาลให้สหกรณ์ใช้เวลาปรับตัวภายใน 10ปีฟังดูเหมือนจะดี แต่หมกเม็ด ทั้งยังแสดงให้เห็นว่า ไม่เข้าใจชีวิตจริงของคนสหกรณ์ที่บอกว่า ยืดระยะเวลาให้ 10 ปีนั้น ในทางปฏิบัติจริงหาได้เป็นเช่นนั้น เพราะการกู้เงินสหกรณ์ของสมาชิก ส่วนใหญ่หลังจากกู้เงินไป 1 ปี เงินเดือนขึ้นเมื่อไร จะมีการมายื่นขอกู้ใหม่เพื่อจะได้ยอดเงินกู้ที่เพิ่มขึ้น อย่างที่เขาเรียกว่า “กู้วน”กฎกระทรวงที่ออกมาผ่อนผัน 10 ปีให้เฉพาะผู้กู้สัญญาเก่า...สมาชิกจะมากู้วน ต้องทำสัญญาใหม่ เจอเงื่อนไข 150 งวดทันที ผลที่ตามมาการจ่ายหนี้ต่องวดหนักกว่าเดิม สมาชิกสู้ไม่ไหว แล้วจะต้องหันไปพึ่งพาเงินกู้นอกระบบหรือเปล่าไม่เพียงแต่สมาชิกจะเดือดร้อนหนักขึ้น สหกรณ์จะดำเนินธุรกรรมปล่อยกู้ได้น้อยลง...สหกรณ์ถูกตัดตอนการเติบโต จะใช่บอนไซมั้ย.สะ-เล-เต