อ่วมแก๊งค้ามนุษย์วิคตอเรีย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เพิ่มโทษ 5 จำเลย ตั้งแต่ผู้จัดการ พนักงานเชียร์แขกรวมไปถึงหุ้นส่วน สรุปคนละ 50 ปี อันเป็นโทษสูงสุดตามกฎหมาย ปรับบริษัทเจ้าของอ่าง ร่วม 8 ล้านบาท รวมทั้งชดใช้ค่าเสียหายเหยื่อเด็กสาวอีก 2 คน คนละ 8 หมื่นบาท พร้อมดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เพิ่มโทษจำเลยก๊วนค้ามนุษย์วิคตอเรีย โดยเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 8 ธ.ค. ที่ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาศาล อุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีค้ามนุษย์ 1 และเด็กสาวผู้เสียหายรวม 3 คน ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 1.นายศรัทธาธรรม แจ้งฉาย หรือป๋าติ๊ก ผู้จัดการสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท 2.นายบุญทรัพย์ อมรรัตนาศิริ หรือป๋ากบ 3.นายชัยณรงค์ อันสุข หรือป๋าสง่า 4.นายเอกณพัชร์ จารุวัฒน์ปฐมกุล หรือพี่ป๊อป 5.หจก.อมรินทร์ ออนเซน 6.น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ หุ้นส่วนผู้จัดการ และ 7.บริษัท เดวิส ซิลเวอร์สตาร์ จำกัด ที่นายศรัทธาธรรม เป็นผู้มีอำนาจ เป็นจำเลยที่ 1-7 ตามลำดับในความผิดฐานร่วมกันสมคบตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อค้ามนุษย์ในการค้าประเวณี ความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ร.บ.สถานบริการ และ ป.อาญา มาตรา 282, 283 ทวิกรณีระหว่างต้นเดือน ธ.ค.2560-12 ม.ค.2561 พวกจำเลยสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปค้ามนุษย์ โดยวางแผนแบ่งหน้าที่กันทำเป็นธุระจัดหาหญิงสาวชาวไทย 2 คน และชาวเมียนมา 7 คน อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี เพื่อการค้าประเวณีเพื่อสนอง ความใคร่ผู้อื่น เหตุเกิดที่สถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท ถนนพระราม 9 ซอย 13 อัยการยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2561 ชั้นพิจารณาจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธคดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ส.ค.2561 พิพากษาว่า นายศรัทธาธรรม หรือป๋าติ๊ก ผู้จัดการสถานบริการ จำเลยที่ 1 นายบุญทรัพย์ หรือป๋ากบ จำเลยที่ 2 นายชัยณรงค์ หรือป๋าสง่า จำเลยที่ 3 นายเอกณพัชร์ หรือพี่ป๊อป จำเลยที่ 4 เป็นพนักงานเชียร์แขก มีความผิดฐานเป็นธุระจัดหาฯ ให้จำคุกคนละ 15 ปี 12 เดือน ส่วน น.ส.ศศิธร หุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.อัมรินทร์ออนเซน จำเลยที่ 6 ให้จำคุก 7 ปี 6 เดือน และให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมดในข้อหาค้ามนุษย์ด้วย สำหรับ หจก.อมรินทร์ ออนเซน จำเลยที่ 5 และ บจก. เดวิส ซิลเวอร์สตาร์ จำเลยที่ 7 ที่เป็นนิติบุคคลให้เช่าสถานที่ พิพากษายกฟ้อง วันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เบิกตัวจำเลยที่ 1-4 และ 6 มาจากเรือนจำและทัณฑสถานหญิงกลางเพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 68 ปี จำคุกจำเลยที่ 3-4 คนละ 62 ปี 8 เดือน จำคุกจำเลยที่ 6 รวม 68 ปี ปรับ 8,000 บาท และให้ปรับจำเลยที่ 5 จำนวน 3,978,666 บาท กับจำเลยที่ 7 จำนวน 3,970,666 บาท โดยตามกฎหมายแล้วให้ลงโทษจำคุกได้สูงสุด คนละ 50 ปี พร้อมทั้งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมที่เป็นเด็กสาวเฉพาะผู้เสียหายที่ 2-3 คนละ 80,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้อง จากนั้นคุมตัวจำเลยส่งเข้าเรือนจำทันที