โคราชพ้นวิกฤติสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย เขตเทศบาลน้ำลดลงเรื่อยๆ ยังเหลือท่วมขังแค่ในจุดที่ลุ่มต่ำ ปักธงชัยเข้าสู่ภาวะปกติจัดทำบิ๊กคลีนนิ่งทันที มวลน้ำไหลสู่โชคชัยกระจายลงตามทุ่งนา บ้านเรือนไม่ได้รับผลกระทบมากนัก กบินทร์บุรียังสาหัส ชุมชนตลาดเก่าจมมิด 1.5 เมตร น้ำท่วมสูงขึ้นขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ มุ่งหน้าเข้าศรีมหาโพธิ หลายหมู่บ้านชายแดนอรัญประเทศยังจมบาดาลชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ผวจ.สระแก้วแจ้งเตือนอ่างเก็บน้ำรั่วอยู่ระหว่างเร่งซ่อม ต้องระบายน้ำออกอาจมีผลกระทบ 3 ตำบลใน อ.ตาพระยา ส่วนที่บางสะพานฝนเทกระหน่ำทำน้ำท่วมถนนเพชรเกษม การจราจรเป็นอัมพาตนานหลายชั่วโมงสถานการณ์น้ำท่วม จ.นครราชสีมา เริ่มคลี่คลายหลังจากฝนหยุดตกมานานหลายวัน เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ระดับน้ำในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ชุมชนมิตรภาพ ซอย 4 ต.ในเมือง ลดลงแล้ว ทางเทศบาลนำธงเหลืองมาปักแทนธงแดงบริเวณสะพานข้ามลำน้ำลำตะคอง นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา กล่าวว่า ภาพรวมระดับน้ำมีแนวโน้ม ลดลงเรื่อยๆ มีเพียงจุดเดียวชาวบ้านได้รับผลกระทบตอนนี้ประมาณ 100 หลังคาเรือน ยังมีน้ำท่วมขัง 20 หลัง หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มคาดว่า 2-3 วันจะเข้าสู่ภาวะปกตินายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา กล่าวว่า น้ำจากลำตะคองที่ล้นท่วมชุมชนมิตรภาพซอย 4 เริ่มลดลงแล้ว ยังมีท่วมขังทรงตัวพื้นที่ต่ำระดับน้ำ 30-40 ซม. ส่วนที่ อ.ปักธงชัย ลดลงเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว มวลน้ำไหลไปยัง อ.โชคชัย แตกกระจายออกไปตามท้องทุ่งแล้วจะไหลลงลำน้ำมูล มีผลกระทบตามท้องไร่ท้องนาและพื้นที่ต่ำริมลำน้ำ ส่วนที่เอ่อท่วมในชุมชนเมืองมีอยู่บ้างเนื่องจากการระบายน้ำไม่สะดวกเพราะลำน้ำมูลคดเคี้ยว สำหรับเขื่อนลำตะคองมีปริมาณน้ำกักเก็บที่ 341 ล้าน ลบ.ม. ตอนนี้ปริมาณน้ำอยู่ที่ 342 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 109% ยืนยันว่าเขื่อนมีความแข็งแรงและยังสามารถรองรับน้ำได้ถึงที่ความจุ 374 ล้าน ลบ.ม. ปีนี้ถือว่าโชคดีที่ได้น้ำมากจะได้เก็บไว้ใช้ในฤดูแล้งต่อไป ทั้งนี้ เนื่องในวันปิยมหาราช ทุกภาคส่วนได้บิ๊กคลีนนิ่งที่ อ.ปักธงชัย ส่วน อ.โชคชัย บ้านเรือนไม่ค่อยได้รับความเสียหายมากเพราะพื้นที่น้ำท่วมส่วนใหญ่เป็นทุ่งนา ขณะที่อำเภออื่นๆความเสียหายไม่มาก จะมีเพียงบ้านเรือนที่อยู่ติดริมน้ำในพื้นที่ต่ำเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ ที่ตลาดเทศบาลตำบลกบินทร์ ย่านเศรษฐกิจการค้าของ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ระดับน้ำที่ท่วมขังยังสูงขึ้นต่อเนื่องขยายวงกว้างไปเรื่อยๆตามท้องถนนรถเล็กยังสามารถสัญจรได้ แต่เนื่องจากบนผิวการจราจรมีน้ำท่วมทำให้คลื่นน้ำซัดเข้าร้านค้าข้างทาง ชาวบ้านต้องทำป้ายเตือนให้ชะลอความเร็ว ที่ชุมชนตลาดเก่ากบินทร์น้ำท่วมสูงขึ้นเป็น 1.5 เมตร ทางอำเภอต้องย้ายศูนย์อำนวยการออกมาด้านนอกเนื่องจากที่เดิมอยู่ริมน้ำถูกน้ำท่วม สำหรับสาเหตุที่เทศบาลมีน้ำท่วมสูงขึ้นเนื่องจากพื้นที่บ้านแก่งและบ้านปากน้ำ ต.วังดาล อ.กบินทร์บุรี ที่รับน้ำมาจากสระแก้ว เดิมเคยท่วมสูงกว่า 1 เมตร ได้ลดลงเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว และมวลน้ำดังกล่าวได้ไหลเข้าพื้นที่เทศบาลกบินทร์บุรีกระจายวงกว้างสร้างผลกระทบไปทั่ว หลังจากนี้มวลน้ำจะไหลลงสู่แม่น้ำปราจีนบุรีเข้าพื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิ ต่อไปส่วนสถานการณ์น้ำท่วมใน ต.ท่าข้าม อ.อรัญ-ประเทศ จ.สระแก้ว หมู่บ้านชายแดนติดคลองพรหมโหด คลองสายหลักที่น้ำจะไหลผ่านลงสู่ประเทศกัมพูชา ถึงแม้น้ำจะลดระดับลงแล้วแต่ยังมีหลายหมู่บ้านที่มีน้ำท่วมขังสูงอยู่ เช่น บ้านท่าข้าม หมู่ 1 บ้านวังมน หมู่ 4 และบ้านโคกสะแบง หมู่ 5 ระดับน้ำ 30-60 ซม. ชาวบ้านเดินทางด้วยความยากลำบาก มีเจ้าหน้าที่นำเรือท้องแบนและรถบรรทุกมาช่วยเหลือแต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ขณะที่ พ.อ.เอกพงษ์ กฤตยาเกียรติชุติ ผบ.ชค.กรม.ทพ.12 นำกำลังทหารพรานไปแจกจ่ายข้าวกล่องและน้ำดื่มให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านท่าข้าม พร้อมส่งกำลังพลไปช่วยชาวบ้านขนย้ายข้าวของและทำความสะอาดในพื้นที่ที่น้ำลดแล้วนายเกียรติศักดิ์ จันทรา ผวจ.สระแก้ว พร้อมคณะเดินทางไปที่ศาลากลางหมู่บ้านโคกสะแบง หมู่ 4 ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ มอบถุงธารน้ำใจให้ชาวบ้านที่เดือดร้อนพร้อมเผยว่า ได้รับแจ้งจากโครงการชลประทานสระแก้วว่า หลังจากฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 7-21 ต.ค. มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำห้วยยางเป็นจำนวนมาก ได้ตรวจพบว่ามีน้ำรั่วซึมออกจากท้ายตัวเขื่อนที่ กม.2+158 ในอัตรา 0.026 ลบ.ม./วินาที อยู่ระหว่างเร่งซ่อมแซม สถานการณ์อยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้ แต่มีความจำเป็นต้องระบายน้ำออกจากอ่าง ผ่านคลองส่งน้ำฝั่งซ้าย ฝั่งขวา และคลองห้วยยาง ในอัตรา 10.00 ลบ.ม./วินาที เพื่อลดระดับน้ำในการซ่อมแซมตัวเขื่อน จึงอาจมีน้ำล้นตลิ่งท่วมถนนสาย 3348 ช่วงบ้านโคกมะกอก บ้านโคกแจง เกิดผลกระทบในพื้นที่ ต.ทัพราช ต.ตาพระยา และ ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ริมคลองส่งน้ำเตรียมความพร้อมรับมือจากสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เกิดฝนตกหนักในช่วงค่ำวันที่ 22 ต.ค. ทำให้น้ำท่วมขังบนถนนเพชรเกษม กม.ที่ 383 ช่วงบริเวณหน้า สภ.บางสะพาน น้ำท่วมผิวจราจรทั้ง 8 เลน ระดับสูงประมาณ 50-80 ซม. ระยะทางยาวกว่า 100 เมตร การจราจรติดขัดยาวกว่า 2 กม. รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ตำรวจร่วมกับอาสาสมัครจราจรกู้ภัยทางหลวงและชาวบ้านช่วยกันแจ้งเตือนรถที่จะวิ่งผ่านให้ใช้ความระมัดระวัง มีรถยนต์ฝืนวิ่งฝ่ากระแสน้ำจนรถจอดเสีย 3-4 คัน กระทั่งเวลาเที่ยงคืนเศษ น้ำที่ท่วมถนนก็ระบายออกลงทะเลจนลดลงกลับสู่ภาวะปกติ