แกนนำค่ายส้มดาหน้าขอโทษประชาชน หลังผู้สมัคร สส.ถูกรวบค้ายาและฟอกเงิน “พิจารณ์” อ้างหมายจับ ออกมาหลังขั้นตอนสอบประวัติ โอดวางกฎเหล็ก คัดสรรรัดกุมแต่ก็ยังเล็ดลอด “เท้ง” บอกเป็นเหตุสุดวิสัย ขอโทษไม่มีข้ออ้าง ยันไม่กระทบแคมเปญ “มีส้มไม่มีเทา” “เท่าพิภพ” ขันอาสารีเทิร์นกลับมารับใช้ ชาว กทม. ผอ.กกต.กทม.ชี้ยังไม่เข้าลักษณะต้องห้าม ส่งคนใหม่แทนได้ ต้องทำตามขั้นตอน “บุญฤทธิ์” ยอมไขก๊อกพ้นสมาชิก ปชน. “ยศชนัน” โต้พรรคไม่ใช่ตัวแปร เพื่อไทยจัดหนัก 5 แพ็กเกจล้างหนี้ “อนุทิน” สายมูปิดทองเบิกฟ้า บวงสรวง ร.1 “พิพัฒน์” ขู่ฟ้องข่าวเท็จส่งน้ำมันไปเขมร “อภิสิทธิ์” นำทีม เปิดนโยบาย ไม่สักแต่พล่ามพูดแล้วทำเป็น สื่อตั้งฉายาสภาฯ-“รังหนอนสีเทา” สภาสูง “รังของหนู” ประธานวุฒิ “หมงล้งบุรีรัมย์” 4 สว.คว้า “ดาวดับ” “พิสิษฐ์-นันทนา” คู่กัดแห่งปี พท.ข้องใจ อสส.ดีลลับสีน้ำเงิน เจ้าตัวโต้ลั่นเรื่องคดีไม่เกี่ยว “ลูกสาว”แกนนำพรรคประชาชนออกมาแสดงความ รับผิดชอบขอโทษประชาชน หลังนายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ ผู้สมัคร สส.กทม. เขตบางพลัด-บางกอกน้อย ถูกจับกรณีมีชื่ออยู่ในบริษัทเชื่อมโยงกับการฟอกเงิน เตรียมเปลี่ยนตัวผู้สมัครเป็นนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร อดีต สส.กทม. ที่เคยประกาศขอเว้นวรรค กลับมาลงสมัครอีกรอบปชน.ขอโทษรวบ “ผู้สมัครส้มสีเทา”เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 ธ.ค.ที่พรรคประชาชน (ปชน.) นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรคประชาชน ผู้รับผิดชอบแคมเปญเลือกตั้ง กทม. เปิดแถลงข่าวด่วนว่า เมื่อช่วง 07.00 น.ที่ผ่านมา โทรศัพท์ไปสอบถามตารางการหาเสียงช่วงปีใหม่ของนายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ ผู้สมัคร สส.กทม. เขตบางพลัด-บางกอกน้อย จึงได้ทราบว่าบุญฤทธิ์ถูกออกหมายจับ เนื่องจากมีชื่อในบริษัทที่เชื่อมโยงกับการฟอกเงิน ต้องกราบขอโทษพี่น้องประชาชนอย่างสูง โดยเฉพาะชาวบางพลัดและบางกอกน้อย พรรคได้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของผู้สมัครทุกคนอย่างละเอียด แต่กรณีนายบุญฤทธิ์ ไม่มีการออกหมายเรียก ออกมาเป็นหมายจับเลยในวันที่ 17 ธ.ค. เป็นช่วงเวลาที่พรรคตรวจประวัติผู้สมัครทุกคนเสร็จสิ้นไปแล้ว จึงไม่ทราบเรื่อง มาทราบเมื่อเช้าตอนที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านพักผู้สมัครแล้ว ทันทีที่ทราบเรื่องพรรคได้ดำเนินการแจ้งผู้สมัคร และแถลงต่อประชาชนว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เรายืนยันว่าไม่มีการปกปิดหรือปกป้องใครทั้งสิ้นโอดคัดสรรรัดกุมแต่ก็ยังเล็ดลอดนายพิจารณ์กล่าวยืนยันว่าพรรคต้องเปลี่ยนตัวผู้สมัครใหม่ สามารถทำกระบวนการได้ทันก่อนหมด เขตรับสมัครในวันที่ 31 ธ.ค. ส่วนคดีของนายบุญฤทธิ์ เจ้าตัวต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ตัวเองตามสิทธิ พรรคจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว พรรคประชาชนยืนยันแคมเปญ มีส้มไม่มีเทา ไม่มีการปกป้องใครแม้เป็นผู้สมัครของตัวเอง ยืนยันว่าการที่ตำรวจออกหมายจับแสดงว่ามีพยานหลักฐานหนักแน่นพอสมควร ต้องให้กระบวนการยุติธรรมทำงานไปตามปกติ ฝากถึงพี่น้องประชาชนว่าพรรค ปชน.พยายามออกแบบกระบวนการคัดสรรผู้สมัครให้รัดกุมมากขึ้นทุกการเลือกตั้ง เพื่อให้ได้ผู้สมัครที่ดีที่สุด แต่ก็ยังมีข้อผิดพลาด ต้องขอโทษประชาชนอีกครั้งที่ทำให้ผิดหวัง แต่ “มีส้มไม่มีเทา” ไม่ใช่แค่สโลแกนหาเสียง เราพิสูจน์ด้วยการกระทำว่าเราไม่อ่อนข้อต่อทุนเทา การทุจริตคอร์รัปชันใดๆ ด้วยการจัดการเรื่องนี้อย่างโปร่งใสและรวดเร็วที่สุด เพื่อวันที่เราได้รับโอกาสให้เข้าไปบริหารประเทศ ประชาชนจะมั่นใจได้ว่าพรรคจะไม่ใช้อำนาจในทางมิชอบ ไม่ปกป้องเครือข่ายพวกพ้องที่กระทำผิดกฎหมายแน่นอนแม่ค้ามหาชัยบุกหอมแก้ม “เท้ง”ต่อมาเวลา 12.00 น. ที่ จ.สมุทรสาคร นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ พรรคประชาชน พร้อมนายณัฐพงษ์ สุมโนธรรม ผู้สมัคร สส.สมุทรสาคร พรรค ปชน. เข้าพบนายกสมาคมการประมงสมุทรสาคร เพื่อรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มชาวประมง และพูดคุยเกี่ยวกับนโยบายที่ส่งเสริมในด้านการประมง จากนั้นคณะนายณัฐพงษ์ไปเดินหาเสียงต่อที่ตลาดมหาชัย พร้อมแนะนำผู้สมัคร สส. และหมายเลขประจำพรรคประชาชน เบอร์ 46 บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ได้รับการตอบรับจากประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี มีหลายคนเข้ามาขอถ่ายรูป และสอบถามนโยบาย ช่วงหนึ่งมีแม่ค้าเข้ามาขอถ่ายรูปด้วยอาการเขิน และหอมแก้มนายณัฐพงษ์ไปฟอดใหญ่ โดยมีเพื่อนๆแม่ค้าช่วยกันเชียร์ว่า “มาแล้วหอมเลย เดี๋ยวเป็นนายกฯ แล้วไม่ได้หอม”ชี้เหตุสุดวิสัยขอโทษไม่มีข้ออ้างนายณัฐพงษ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผู้สมัคร สส.กทม. เขตบางพลัด ถูกจับกุมข้อหาฟอกเงินคดียาเสพติดว่า ต้องขอโทษต่อประชาชนอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เราได้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมแล้ว แต่หมายจับออกวันที่ 17 ธ.ค. ทำให้ไม่พบประวัติในระบบ เราเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนมานานแล้ว ข้อมูลที่ส่งเข้ามาในพรรคไม่มีประเด็นที่เกี่ยวข้องตามหมายจับ ฉะนั้นถือเป็นเหตุสุดวิสัย เราไม่ได้เอามาเป็นข้ออ้างแค่อยากกล่าวคำขอโทษเฟ้นหาตัวเปลี่ยนผู้สมัครคนใหม่ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเลือกผู้สมัครใหม่ได้หรือไม่ เพราะตามกระบวนการคือชื่อนายบุญฤทธิ์เข้าไปอยู่ในนามพรรคประชาชนแล้ว นายณัฐพงษ์ตอบว่า ผู้สมัครแบบเขตและบัญชีรายชื่อมีลักษณะต่างกัน เราสามารถทำไพรมารีโหวตภายในเขตและยื่นสมัคร ต่อ กกต.ได้ทันเวลาอยู่ ยืนยันว่าสามารถทำได้ เมื่อถามว่าสมัครไปแล้วจะสามารถถอนชื่อออกมาได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ตอบว่า ทำโดยผู้สมัครเอง ฝ่ายกฎหมายของพรรคแจ้งมาว่าสามารถยื่นได้อยู่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาตัวผู้สมัคร ประชาชนสามารถเชื่อมั่นได้ว่าจะไม่เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีกแน่นอน เมื่อถามว่าหากเกิดติดขัดเรื่องข้อกฎหมายไม่สามารถส่งผู้สมัครได้ จะกลายเป็นการเสียโอกาสหรือไม่ เพราะจะไม่ได้แลนด์สไลด์ กทม. 33 เขต นายณัฐพงษ์ตอบว่า ถ้ามีข้อจำกัดด้านกฎหมายในลักษณะนั้นจริง คงรู้สึกเสียใจ การที่เราขาดโอกาสในการส่งผู้สมัครให้เป็น ตัวเลือกของประชาชนเขต 33 ต้องรอดูความชัดเจนไม่กระทบแคมเปญ “มีส้มไม่มีเทา”เมื่อถามว่าจะกระทบแคมเปญหลัก “กาส้มล้มเทา” หรือ “มีเราไม่มีเทา” หรือไม่ นายณัฐพงษ์ตอบว่า เรื่องขจัดปัญหาสีเทาออกจากประเทศ ย้ำอีกครั้งว่าเราไม่สามารถขจัดปัญหาความเทา หรือทุจริตคอร์รัปชันหมดประเทศไปภายในวันแรก แต่การที่ไม่ทนต่อปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน การไม่ปกป้องพวกพ้องตั้งแต่วันแรก สามารถทำได้ และการกระทำการแถลงของพรรค ทันทีที่เพิ่งทราบข่าวเมื่อเช้าว่ามีการจับกุมเมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่พวกเราแสดงออกให้เห็นถึงความชัดเจน ถึงแม้เป็นผู้สมัคร เป็นคนในของเรา เราตรวจสอบ ถึงแม้คดียังไม่ถึงที่สุด เราก็ไม่ปกป้อง ตนอยากจะเรียนอีกหนึ่งครั้งว่าไม่ได้กระทบกับแคมเปญมีส้มไม่มีเทาแต่อย่างใด“เท่าพิภพ” รีเทิร์นอาสาตัวรับใช้ขณะที่นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร อดีต สส.กทม. พรรค ปชน. ที่ประกาศขอเว้นวรรคไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.รอบนี้ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ภารกิจฟื้นความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อพรรคสำคัญที่สุด พร้อมกลับมารับใช้คนกรุงเทพฯ รับทราบข่าวผู้สมัคร สส.เขตบางพลัด-บางกอกน้อย ถูกจับคดีฟอกเงิน ด้วยความช็อกไม่ต่างจากประชาชนทุกคน ครั้งนี้ถือว่าหนักหนาสาหัสมากสำหรับพรรคเรา ชีวิตของพรรคการเมืองขึ้นอยู่กับความไว้เนื้อเชื่อใจที่ประชาชนมีต่อเรา ในฐานะเป็น สส.มา 7 ปี รู้ดีว่าความเชื่อใจเป็นสิ่งสูงค่าที่สุด แข็งแกร่งที่สุด และเปราะบางที่สุด แต่ในวันที่ประชาชนไม่เชื่อใจ พรรคอาจหมดอนาคตได้ในพริบตา ในเวลาวิกฤติเช่นนี้ ขออาสากลับมาทำงานรับใช้พี่น้องชาวกรุงเทพฯอีกครั้ง ในฐานะผู้สมัคร สส.กทม. พรรค ปชน. แม้เคยประกาศวางมือไปแล้ว แต่วันนี้สถานการณ์คับขัน ยอมกลับคำพูด เพื่อให้พรรคมีผู้สมัครที่ประชาชนพอไว้วางใจได้ลงแข่งขัน ฝากเท่าพิภพไว้ในอ้อมใจคน กทม.อีกครั้งผอ.กกต.กทม.ยันส่งคนใหม่แทนได้ว่าที่ ร.ต.สัมพันธ์ แสงคำเลิศ ผอ.กกต.กทม. กล่าวว่า การขอเปลี่ยนแปลงตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือขอถอนตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ได้ยื่นใบสมัครเรียบร้อยแล้ว สามารถเปลี่ยนแปลงได้แต่ต้องเข้าองค์ประกอบ 3 อย่าง คือ ตาย ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม จากข่าวที่เกิดขึ้นต้องพิจารณาว่าผู้สมัครดังกล่าวเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามแล้วหรือไม่ คือต้องมีคำพิพากษาของศาลจนถึงที่สุดให้มีโทษจำคุก กรณีดังกล่าวทราบว่ายังไม่เข้าลักษณะเงื่อนไข จึงยังไม่เข้าข่ายขาดคุณสมบัติ เพราะไม่ได้เป็นความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง แต่หากมีการยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พรรคการเมืองต้นสังกัดสามารถส่งผู้สมัครคนใหม่มาเปลี่ยนแทนได้ โดยพรรคต้นสังกัดต้องทำไพรมารีโหวตผ่านตัวแทนพรรคประจำจังหวัดคัดเลือกผู้สมัครคนใหม่ และดำเนินการตามขั้นตอนให้เสร็จทันในเวลา 16.30 น. วันที่ 31 ธ.ค.นี้ มีรายงานล่าสุดจากพรรคประชาชนว่านายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ ผู้สมัคร สส.กทม. เขตบางพลัด-บางกอกน้อย พรรค ปชน. ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคต่อนายทะเบียนพรรค ปชน.แล้วมติเอกฉันท์ 88–0 รับรอง “เท่าพิภพ”ต่อมาช่วงบ่าย พรรคประชาชนจัดประชุมสมาชิกพรรค กทม. จัดทำไพรมารีโหวตตามกฎหมาย เพื่อคัดเลือกผู้สมัคร สส.เขตบางพลัด-บางกอกน้อย ปรากฏว่าที่ประชุมมีมติรับรองนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร เป็นว่าที่ผู้สมัคร สส. ด้วยคะแนน 88-0 หลังจากนี้จะนำรายชื่อส่งให้กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) พิจารณาอนุมัติตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป และวันที่ 30 ธ.ค. นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ กก.บห.พรรคประชาชน ผู้รับผิดชอบการเลือกตั้ง กทม. จะนำผู้สมัครไปยื่นเอกสารการสมัคร สส. ที่อาคารกีฬาเวส 2 ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ในเวลา 08.00 น. จากนั้นจะเดินทางไปหาเสียงที่ย่านบางขุนนนท์ต่อไป“ยศชนัน” โต้ พท.ไม่ใช่พรรคตัวแปรที่พรรคเพื่อไทย นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมีผู้ไม่หวังดีมาเขียนเบอร์ของพรรคการเมืองอื่นลงในป้ายหาเสียงผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ขณะที่บางเขตมีการทำลายป้ายหาเสียงพรรคเพื่อไทยว่า ควรทำการเมืองที่สร้างสรรค์ ส่วนการวางป้ายของพรรคในพื้นที่ไม่เหมาะสม ทีมงานพร้อมปรับปรุง หากพบเห็นแจ้งเข้ามาที่พรรคได้ ปีหน้าต้องเป็นปีแห่งความหวังของประชาชน เมื่อถามว่าหลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคอันดับ 3 เป็นพรรคตัวแปร นายยศชนันตอบว่า เป็นการมองไม่ถูกต้อง ประชาชนยังไม่ได้ตัดสินใจ ไม่ฟังเสียงประชาชนแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่ประชาชนอยากฟังคือการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างที่คิดว่าจะมีประเด็นเหล่านี้เพิ่มเติมให้มั่นใจฐานเสียงพื้นที่ชายแดนไม่หายนายยศชนันกล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ได้แสดงความยินดีกับประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดน ขณะนี้สถานการณ์เริ่มสงบ ผ่านการพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย เราบอกเสมอเรื่องการต่างประเทศ ความมั่นคง พวกเราเป็นทีมเดียวกัน พร้อมสนับสนุน รวมถึงพูดคุยว่าขั้นตอนต่อไปควรดูแลประชาชนให้ทั่วถึง ให้นักเรียนกลับไปเรียนได้ ประชาชนกลับไปทำงานได้ตามปกติโดยเร็ว เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ปัญหาชายแดนจะทำให้พรรคเพื่อไทยเสียเปรียบในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน นายยศชนันตอบว่า ถ้าเรามีความจริงใจในพื้นที่ตลอดเวลา และไม่มีความบกพร่องในเรื่องนี้ มั่นใจว่าประชาชนจะให้โอกาสพรรคเพื่อไทย มั่นใจจะรักษาฐานเสียงในพื้นที่จังหวัดชายแดนได้วางแผนสื่อสารทวงแต้มเมืองกรุงนายยศชนันกล่าวว่า ส่วนแผนการลงพื้นที่ช่วยหาเสียงใน กทม. ต้องมีวิธีสื่อสารบางรูปแบบ ขณะนี้ประชาชนบางส่วนทยอยกลับภูมิลำเนา แต่สิ่งสำคัญสุดคือการเข้าใจปัญหา และแก้ไขในเชิงโครงสร้าง ปัจจุบันผู้สมัครพรรคลงพื้นที่ รวมประเด็นความจำเป็นในการช่วยเหลือต่างๆ สิ่งใดที่ทำได้ตอนนี้ก็ทำเลย ไม่ต้องรอเลือกตั้ง เราแสดงความจริงใจในการลงพื้นที่ตลอดเวลา ทำให้ประชาชนเชื่อและกลับมาเลือกพรรคเพื่อไทยอีกครั้งเพื่อไทยจัดหนัก 5 แพ็กเกจล้างหนี้นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงรายละเอียดนโยบายล้างหนี้ว่า แพ็กเกจล้างหนี้ของพรรคเพื่อไทยเป็นนโยบายครั้งเดียวจบ ฟื้นคืนชีวิตให้คนเป็นหนี้ คืนศักดิ์ศรีให้ประชาชน มีรายละเอียดดังนี้ 1.ล้างหนี้ประชาชน หนี้เสียไม่มีหลักประกันเกินกว่า 1 ปี ยอดต่ำกว่า 200,000 บาท ทั้งสถาบันการเงินเอกชนและรัฐ จ่าย 10% ปิดจบล้างหนี้ 2.ล้างหนี้วัยเกษียณ หนี้เสียไม่มีหลักประกันเกินกว่า 1 ปี ของผู้มีอายุเกิน 60 ปี ยอดต่ำกว่า 100,000 บาท ในสถาบันการเงินรัฐ ไม่ต้องจ่าย ปิดจบล้างหนี้ 3.พักหนี้เกษตรกร พักต้นและดอก 3 ปี วงเงิน 500,000 บาท ระหว่างพัก ดอกเบี้ยหยุดนิ่ง รัฐจ่ายดอกเบี้ยในช่วงที่พักหนี้แทนเกษตรกร ช่วยเกษตรกรได้ราว 3.5 ล้านบัญชี มูลหนี้กว่า 500,000 ล้านบาท 4.ล้างหนี้นอกระบบ สถาบันการเงินรัฐปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำรายละ 50,000 บาท เพื่อปิดหนี้นอกระบบ ช่วยเหลือประชาชนได้ 2 ล้านบัญชี 5.ผ่อนดี 1 ปี ฟรี 1 งวด ไม่เกิน 5,000 บาท ยอดหนี้ไม่เกิน 100,000 บาท ในสถาบันการเงินรัฐ เป็นเงินรางวัลแก่ผู้ผ่อนดี สนับสนุนวินัยทางการเงิน“อนุทิน” ปิดทองเบิกฟ้าบวงสรวง ร.1 ช่วงสายที่พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) อ.เมืองบุรีรัมย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เป็นประธานในพิธี “ปิดทองเบิกฟ้า สักการบูชามหาราชรัชกาลที่ 1” มีนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด และผู้สมัคร สส.บุรีรัมย์ พรรค ภท. รอต้อนรับ นายอนุทินและนายเนวินร่วมปิดทองที่ยอดพุ่มเงินพุ่มทองทั้งสี่ทิศของอนุสาวรีย์ ระหว่างบวงสรวง นายเนวินได้มานั่งบวงสรวงและปิดทองใต้ฐานฉัตรเงินต้นที่ 37 จากทั้งหมด 360 ต้น ที่ตรงกับหมายเลขพรรค คือเบอร์ 37 จากนั้นนายเนวินได้มอบส้มให้นายอนุทิน พร้อมกล่าวว่าจะได้กล้วยกล้วย เมื่อนายอนุทินปอกส้มเข้าปาก นายเนวินถามว่าหวานหรือไม่ นายอนุทินตอบรับว่าหวาน ผู้สื่อข่าวจึงแซวว่ากลัวนายกฯ ติดคอ นายอนุทินตอบกลับว่า “กลืนเข้าไปก็ย่อยสลายหมด”“พิพัฒน์” ฉะข่าวเท็จส่งน้ำมันไปเขมรนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวชี้แจงกรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กล่าวหาเป็นเจ้าของน้ำมันที่ส่งไป สปป.ลาว ที่ถูกนำส่งต่อไปขายให้ประเทศกัมพูชาว่า ยืนยันเป็นข้อมูลเท็จ ไม่เป็นความจริง เป็นการกล่าวหาเพื่อทำลายชื่อเสียงอย่างร้ายแรง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ได้วางมือจากธุรกิจพลังงานตั้งแต่ปี 2546 กว่า 22 ปี ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารในบริษัทพลังงานใดๆและบริษัท พีที (PTG Energy) ยืนยันแล้วไม่เคยมีการส่งน้ำมันไปขายยัง สปป.ลาวหรือกัมพูชา เป็นการสร้างข้อมูลเท็จ มุ่งหวังให้เกิดความเข้าใจผิด และสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและเกียรติภูมิของตน เชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้ง และหวังผลทางการเมือง ช่วงที่พรรคกำลังได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากประชาชนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย“อภิสิทธิ์” นำทีมเปิดนโยบายหาเสียงที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมแคนดิเดตนายกฯอีก 2 คน คือนายกรณ์ จาติกวณิช และ น.ส.การดี เลียวไพโรจน์ ร่วมเปิดตัวกรอบนโยบายที่จะใช้รณรงค์หาเสียงภายใต้คอนเซปต์ “ไทยหายจน ด้วยคนทำเป็น” นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคชูนโยบายแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ภายใต้ 4 เสาหลัก 27 นโยบาย ตรงกับหมายเลขพรรคเบอร์ 27 มุ่งปลดล็อกความยากจน เหลื่อมล้ำ และปัญหาปากท้อง ตั้งเป้าขับเคลื่อนประเทศให้พ้นจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา เพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) เฉลี่ย 5% ภายใน 4 ปี เสาที่ 1 “หายจนรายได้” เน้นยกระดับรายได้เกษตรกรและแรงงาน ด้วยการประกันรายได้พืชผลสำคัญ เสาที่ 2 “หายจนใจ” มุ่งเสริมหลักประกันชีวิตทุกช่วงวัย เสาที่ 3 “หายจนปัญญา” ปรับระบบการศึกษาเป็นแบบยืดหยุ่น เปิดโอกาสให้ผู้เรียนออกแบบการเรียนรู้เอง เสาที่ 4 “หายจนตรอก” เน้นปฏิรูประบบรัฐด้วยดิจิทัล One-ID และ Citizen Wallet เปิดข้อมูลรัฐ (Open Data) ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างด้วย AI ฯลฯไม่สักแต่พล่ามพูดแล้วต้องทำเป็นนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับนโยบาย 27 ข้อ อาทิ ประกันรายได้จ่ายทันที, ประกันรายได้แรงงาน, ลดค่าไฟไม่ใช้เงินภาษี, ประเทศไทยศูนย์กลางพลังงานสะอาดแห่งเอเชีย, พัฒนาตำราปลูกป่าได้เงินเดือน, เงินได้ 40,000 บาทแรกไม่เสียภาษี, รถไฟฟ้า+รถเมล์ จ่ายสูงสุด 30 บาท, สลากออมทรัพย์รายจังหวัด “โชคดี ทั่วกัน”, โอบอุ้มคุณแม่ ดูแลลูกน้อย, เบี้ยคนชรา 1,000 ถ้วนหน้า, 50,000 บาท บ้านผู้สูงวัยปลอดภัย, แปลงบ้านผู้สูงวัยเป็นเงินเลี้ยงชีพ อยู่ฟรีตลอดชีวิต, ทำฟันผู้วัย Fasttrack, เบี้ยคนพิการ x2, บุฟเฟต์การศึกษา, เรียนฟรี ต้องฟรีจริง, หางานให้ ใช้หนี้ กยศ., ราชการในมือถือ, Open Data ข้อมูลภาครัฐ, ตัดตอนทุนผูกขาด, บทเรียนชาติใหม่ ประเทศไทยพร้อมเผชิญกับพิบัติ, แก้ปัญหา PM 2.5, บำบัด ปราบ ป้องกันยาเสพติด/ปราบปรามสแกมเมอร์, ทหารอาสา 4 ปี เรียนฟรีอนุปริญญาขึ้นไป ปลดประจำการมีงานให้, มอเตอร์เวย์ ลิฟต์ รถไฟความเร็วสูง เชื่อมไทยเชื่อมโลก “วันนี้มีคนพูดนโยบายเยอะ แต่พูดแล้วทำมันไม่พอ เพราะต้องคิดก่อนพูด และพูดแล้วต้องทำเป็น พวกเราทำเป็นครับ”ฉายาสภาผู้แทนฯ “รังหนอนสีเทา”ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ร่วมตั้งฉายาสภาเป็นธรรมเนียมประจำทุกปี เพื่อสะท้อนความคิดเห็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติทั้ง สส. และ สว. ตลอดปี 2568 ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่มาโดยตลอด ปีนี้ “สภาผู้แทนราษฎร” ได้รับฉายา “รังหนอนสีเทา” หากเปรียบสภาเป็นร่างกายที่เป็นตัวแทนประชาชน ปีนี้ถูกมองมีการกัดกินผลประโยชน์ภายในร่างกายจนเน่าเฟะ สส.หลายคนถูกตั้งคำถามเรื่องจริยธรรม การทำหน้าที่ไม่ยึดโยงประโยชน์ส่วนรวม มุ่งเน้นแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง เหมือนหนอนที่รุมชอนไชอยู่ภายในซากที่รอวันเสื่อมสลาย ที่ผ่านมามักเห็นคำว่า “งูเห่า” เกิดขึ้นในสภา แต่ระยะหลัง สส.ที่เป็นงูเห่าไม่กล้าเผยตัว แต่ไปแฝงในพรรคการเมืองต่างๆ เปรียบเหมือนหนอนที่แฝงอยู่ เพื่อเอื้อประโยชน์เชิงนโยบาย โครงการต่างๆร่วมกัน เป็นการทำธุรกิจการเมืองแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย แทบไม่มีคำว่าประชาชนอยู่ในสมการแม้แต่นิดเดียวชี้พฤติกรรมสีเทาไม่ขาวสะอาดส่วนคำว่าสีเทาสะท้อนพฤติกรรมนักการเมืองในสภา ไม่มีใครขาวสะอาดแท้จริง ปรากฏข่าวพัวพันผลประโยชน์ทับซ้อนในระดับที่กฎหมายอาจเอื้อมไม่ถึง ทำให้ภาพลักษณ์สภาปีนี้ ถูกมองไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ประชาชน แต่มุ่งแสวงหาอำนาจให้ตนเองและพวกพ้อง ดังนั้นรังหนอนสีเทาจึงหมายถึงสภาที่รวบรวมเหล่านักการเมืองที่ขาดความสง่างาม มุ่งเน้นกัดกินงบประมาณและอำนาจ ผ่านดีลผลประโยชน์ข้ามขั้ว ไม่สนจุดยืนทางการเมืองและหน้าที่ตนเองวุฒิสภากลายสภาพ “รังของหนู”ฉายาวุฒิสภา “รังของหนู” วุฒิสภาเปรียบเสมือนที่รวมบุคคลต่างๆจากหลายสาขาอาชีพ แต่พฤติกรรมของวุฒิสภาถูกมองเป็นคนของผู้มีอำนาจ อยู่ภายใต้พรรคการเมืองหนึ่ง เปรียบเหมือนหนูที่อยู่ในรัง จับกลุ่มกันจนถูกตั้งข้อครหาพวกมากลากไป ใช้กลไกจริยธรรม เล่นงานเสียงข้างน้อยจนไม่มีที่ยืน แม้รัฐบาลนายกฯหนูจะอ้างว่าไม่สามารถสั่ง สว.ชุดนี้ได้ แต่เสียงข้างมากก็ไม่มีแตกแถว เดินหน้าโหวตองค์กรอิสระรัวๆ แม้จะมีข้อครหาผลประโยชน์ทับซ้อน หรือทำเพื่อพรรคการเมืองใดก็ไร้ความสะทกสะท้านประธานวุฒิสภา–“หมงล้งบุรีรัมย์”นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา “หมงล้งบุรีรัมย์” โดย “เฮียหมง” หรือ “เสี่ยหมง” คือชื่อเล่นที่ภาคภูมิใจของนายมงคล สะท้อนภาพลักษณ์ที่มีความสุข เชี่ยวชาญบทบาทเถ้าแก่ล้งผลไม้ มากกว่าการเป็นประมุขสภาสูง ผลงานโดดเด่นเป็นที่จดจำมากที่สุดในปีที่ผ่านมา ไม่ใช่การขับเคลื่อนงานวุฒิสภา แต่คือการสวมบทบาทเถ้าแก่ล้งผลไม้ พรีเซนต์ทุเรียนน้ำแร่ ของดีบุรีรัมย์ และมังคุดเกรดเอระดับพรีเมียม อย่างน้ำไหลไฟดับ ทำให้ยอดขายถล่มทลาย แต่พอไมค์จ่อปากถามถึงประเด็นร้อนการเมือง นายมงคลมักเกิดอาการโรคกลัวดอกพิกุลจะร่วง ไม่ยอมพูดจา เอ่ยปากด้วยวลีเด็ด “ประธานต้องเป็นกลาง เขาไม่ให้พูด” ต่างจากตอนขายทุเรียนลิบลับ จนถูกมองว่าเป็นเสี่ยล้งผลไม้ มากกว่าเป็นประมุขสภาสูง“เลือกอนุทินมายุบสภา”วาทะแห่งปี“วาทะแห่งปี” ได้แก่ “วันนี้เราไม่ได้เลือกคุณอนุทินมาบริหารประเทศ เราเลือกคุณอนุทิน ชาญวีรกูล มายุบสภาผู้แทนราษฎร ภายใต้กรอบเวลาที่ตกลงกัน” โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวอภิปรายปิดท้ายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ คนที่ 32 เมื่อวันที่ 5 ก.ย.2568มอบตำแหน่ง “ดาวดับ” ให้กับ 4 สว.“ดาวดับ” สื่อมวลชนประจำรัฐสภา มีความเห็นร่วมกันมีผู้ได้รับตำแหน่งนี้ 3 คน ได้แก่ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา นายอลงกต วรกี สว. และนายเศรณี อนิลบล สว. กรณีนายมงคลสอดคล้องกับฉายาประธานวุฒิสภา คือ “หมงล้งบุรีรัมย์” ส่วนนายอลงกต พยายามทำตัวเด่นไม่ว่าจะเป็นดราม่าแกล้งร้องไห้ ล้อเลียนเพื่อน สว. การให้สัมภาษณ์สื่อเป็นภาษาฝรั่งเศส ภาษาจีน ท่าทางจีบปากจีบคอ ทำให้บุคคลภายนอกมองมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ขณะที่นายเศรณีที่เป็นดาวดับอีกคน เพราะมีพฤติกรรมถูกเผยแพร่ทางโซเชียลด่ากราดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าอาคารรัฐสภา หลังเจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือให้เปิดกระจกตรวจสอบรถเข้า-ออก อาคารรัฐสภาตามหน้าที่ แต่นายเศรณีกลับแสดงความไม่พอใจ ใช้ถ้อยคำต่อว่ารุนแรง ชี้หน้าข่มขู่ และผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภายังเห็นควรให้ฉายาดาวดับ นายธนกร ถาวรชินโชติ สว. ด้วย เนื่องจากถูกศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ตัดสินจำคุก 4 ปีคดีลักทรัพย์ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์มูลค่า 1.5 ล้านบาท รวมถึงกรณีนายธนกรถูกอดีตสาวคนสนิทยื่นสอบจริยธรรมต่อคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา ข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ แม้ทั้งสองเหตุการณ์จะยังไม่ตัดสินจนถึงที่สุด แต่ในฐานะสมาชิกสภาสูงก็ไม่สมควรมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเหตุการณ์แห่งปี “เสี่ยหนู” นั่งนายกฯ“เหตุการณ์แห่งปี” ได้แก่ เมื่อวันที่ 5 ก.ย.2568 พรรคประชาชนโหวตเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติวินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นตำแหน่งนายกฯ เนื่องจากฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง จากคลิปสนทนาสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ภายหลังจากที่นายอนุทินได้รับโหวตเป็นนายกฯ ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่อมาคือ การประชุมรัฐสภา วันที่ 15 ต.ค.2568 พิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หลังจากที่ประชุมลงมติรับหลักการให้ใช้ร่างของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นร่างหลักพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นร่างของฝ่ายค้านต่างจากการพิจารณากฎหมายต่างๆที่ผ่านมาที่ร่างของรัฐบาลมักจะชนะ นำมาสู่อีกเหตุการณ์คือ วันที่ 11 ธ.ค.2568 ระหว่างพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 กรณีการตัดอำนาจสว. 1 ใน 3 ในการแก้รัฐธรรมนูญ ที่ สว.ส่วนใหญ่คัดค้าน และเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบไม่ให้ตัดอำนาจสว. ทำให้นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน อภิปรายว่าหากไม่ตัดอำนาจ สว. 1 ใน 3 ออก นายอนุทินควรยุบสภา ทำให้นายอนุทินประกาศยุบสภาทันที มีผลวันที่ 12 ธ.ค. โดยอ้างเหตุผลตามที่นายณัฐพงษ์บอก“พิสิษฐ์–นันทนา” คู่กัดแห่งปี 68คู่กัดแห่งปีได้แก่ คู่ของ สว.พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ และ สว.นันทนา นันทวโรภาส แม้จะเป็นสมาชิกวุฒิสภาด้วยกันทั้งคู่ แต่อยู่กันคนละขั้ว ในการประชุมวุฒิสภาทั้งคู่มักมีวิวาทะกันตลอด ไม่ว่า น.ส.นันทนาจะอภิปรายวาระอะไร นายพิสิษฐ์มักลุกขึ้นโต้แย้งด้วยเหตุผลในมุมตนเองเป็นประจำ โดยเฉพาะวาระพิจารณาเลือกองค์กรอิสระต่างๆ ที่ น.ส.นันทนามักขอให้วุฒิสภาชะลอการลงมติ เนื่องจากวุฒิสภายังมีเอี่ยวเรื่องคดีฮั้ว สว. อาจมีความไม่ชอบธรรมตลอดเวลาที่มีวาระดังกล่าว จะถูกนายพิสิษฐ์ลุกขึ้นสวนกลับทุกครั้ง ถึงขั้นไล่ น.ส.นันทนาออกจากห้องประชุม ให้ น.ส.นันทนาไปหาหมอ เพราะเป็นห่วงจะเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ขณะที่ น.ส.นันทนาเมื่อให้สัมภาษณ์หรือแถลงข่าวมักเหน็บแนมนายพิสิษฐ์เป็นประจำงดตั้งฉายา ปธ.สภา–ผู้นำฝ่ายค้านทั้งนี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภามีมติงดตั้งฉายาประธานสภาผู้แทนราษฎร และผู้นำฝ่ายค้านในปีนี้รวมถึง “ดาวเด่น” เนื่องจากอยู่ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง จึงกังวลว่าอาจถูกนำไปโจมตีกันได้ หรือเสี่ยงต่อกฎหมายเลือกตั้ง เพราะเป็นการให้คุณให้โทษกับผู้ถูกพูดถึง หากบุคคลนั้นลงสมัครรับเลือกตั้ง“ทักษิณ” บอกเบอร์ 9 พท.คนจำง่ายอีกเรื่องที่เรือนจำกลางคลองเปรม นายพานทองแท้ ชินวัตร น.ส.ณัฐฐิญา ปวงคำ ภรรยา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี เข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต่อมา น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้คุณพ่อแฮปปี้ดี สนุกสนาน แต่อาจมีปัญหาเรื่องสุขภาพเล็กน้อย แต่โดยรวมคุณพ่อดูสดชื่นต้อนรับปีใหม่ เมื่อถามว่านายทักษิณมีกลยุทธ์อะไรแนะนำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ น.ส.แพทองธารถึงกับร้องโอ้โห กล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า คุณพ่อให้กำลังใจ บอกว่าอย่างน้อยเบอร์ 9 จำง่าย ตัวเลขหลักเดียวก็ง่ายดี แต่ส่วนใหญ่คุณพ่อเล่าให้ฟังสมัยนั้นจับได้เบอร์อะไร อย่างไร เล่าไปถึงสมัยแรกๆที่เคยจับได้เบอร์ 7 ชอบเล่าความหลังให้พวกเราฟัง ยังบอกด้วยว่า “อายุเยอะแล้ว คนแก่จะมีความหลังเยอะหน่อย”เจ้าตัวเข้าใจไม่ได้พักโทษ มี.ค.69ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัว นายทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ปัจจุบันนายทักษิณยังคงสถานะผู้ต้องขังเด็ดขาดชั้นกลาง ยังไม่ได้ปรับเลื่อนชั้นเป็นชั้นดี ส่วนกรณีทนายทักษิณจะได้รับเสนอชื่อปรับเลื่อนชั้นจากคณะกรรมการระดับเรือนจำกลางคลองเปรม ไปยังคณะกรรมการส่วนกลาง ระดับกรมราชทัณฑ์ จากชั้นกลางเป็นชั้นดี ประมาณช่วงเดือน เม.ย.2569 หมายความว่าแม้เดือน มี.ค.69 นายทักษิณ จะครบกำหนดคุมขัง 6 เดือน จะได้รับการพิจารณาโครงการพักการลงโทษกรณีทั่วไป อาจไม่ทันได้พักโทษ ในเดือน มี.ค.69 เข้าใจในกระบวนการของราชทัณฑ์ นายทักษิณเองก็เข้าใจ แม้ต้องอยู่ไปอีกกี่เดือนก็ตาม เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการพักโทษ สิทธิประโยชน์ของผู้ต้องขัง ท่านพร้อมปฏิบัติตามระเบียบของราชทัณฑ์ เราไม่มีวันไปกดดันเจ้าหน้าที่ หรือไปใช้อำนาจใดที่ทำให้เกิดเรื่องผิดกฎหมายข้องใจมีดีลลับอะไรกับภูมิใจไทยนายวิญญัติกล่าวต่อว่า ต้องรอการปรับเลื่อนชั้นให้เรียบร้อยก่อน ส่วนการอุทธรณ์สู้คดีมาตรา 112 ของนายทักษิณ หลังอัยการสูงสุดมีคำสั่งให้อัยการอุทธรณ์คดี โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมการพิจารณาคดี 112 ของอัยการ พิจารณาและมีมติ 8 ต่อ 2 เสียง เห็นควรไม่อุทธรณ์คดี ทราบว่าการอุทธรณ์ยังอยู่ระหว่างการจัดส่งหมายอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ได้ไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม และยื่นหนังสือบอกกล่าวต่ออัยการสูงสุดว่าอำนาจที่ท่านไปฝ่าฝืนมติของคณะกรรมการที่ท่านตั้งขึ้น ท่านไม่สามารถทำได้ เพราะไม่ใช่กระบวนการตาม ป.วิอาญามาตรา 20 ที่อัยการสูงสุดจะใช้อำนาจพิจารณาสั่งคดีนอกราชอาณาจักร เรามองว่าเป็นคนละขั้นตอน ถ้าจะใช้อำนาจตรงนี้ก็ไม่ควรตั้งคณะทำงานขึ้นมาแต่แรก “ผมมีข้อมูลด้วยว่าอัยการสูงสุดได้ไปที่ไหนเพื่อพบกับใครอีกด้วย เราก็สงสัย และเราก็พูดไปเพื่อเตือน ขอให้ท่านทบทวนใหม่ หลังจากนั้น 1-2 วัน ก็มีข่าวว่าบุตรสาวของท่านไปลงสมัครกับพรรคภูมิใจไทย ฉะนั้นข้อที่เราสงสัย และประชาชนก็เห็นว่าอัยการสูงสุดมีการดำเนินการฝ่าฝืนมติของคณะทำงาน มันทำให้คนสงสัยว่าพวกท่านกำลังมีดีลอะไรหรือไม่ หรือท่านกำลังทำตามที่ใครขอหรือไม่ ในทางการเมือง ถือเป็นสิทธิของลูกสาวท่านจะลงสมัครกับพรรคใดก็ตาม แต่ทำให้เราต่อจิ๊กซอว์ หรือคิดอะไรต่อได้ใช่หรือไม่”อสส.ปฏิเสธเรื่องคดีไม่เกี่ยวลูกสาวด้านนายอิทธิพร แก้วทิพย์ อัยการสูงสุด บิดาน.ส.กัญญาพร แก้วทิพย์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.นนทบุรี เขต 1 พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการที่ลูกสาวตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้ง สส. ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหน เป็นเรื่องของลูกสาวที่ต้องตัดสินใจเอง เนื่องจากโตบรรลุนิติภาวะเเล้ว ให้เขาตัดสินใจเลือกทางเดินเอง ตนเป็นคนไม่มีสีเสื้อ และไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของการเมืองอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่