(ภาพ) ภาพมุมสูงมองเห็นถึงความสมบูรณ์ของป่าชายเลน มีต้นไม้ขึ้นเขียวขจี เป็นที่อาศัยของบรรดาสัตว์น้ำนานาชนิด ในพื้นที่ จ.ระนอง.จากกรณีปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนชาว จ.ระนอง เรื่องที่อยู่อาศัยและทำประโยชน์ในที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมืองระนอง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง (อบจ.ระนอง) และเทศบาลเมืองระนองขอใช้ประโยชน์เดิม จากกรมป่าไม้ รวม 3 แปลง เนื้อที่ 484 ไร่แต่หนังสืออนุญาตได้หมดอายุลง ตั้งแต่ พ.ศ.2539 พ.ศ.2540 และ พ.ศ.2559 และยังไม่สามารถขอต่ออายุหนังสืออนุญาตได้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวกลายเป็น “ผู้บุกรุกป่า” ไม่สามารถทำนิติกรรมใดๆได้ ภาพมุมสูงของบ้านเรือนประชาชนใน อ.เมืองระนอง ที่รายล้อมด้วยป่าชายเลน และปัจจุบัน มีการแก้ปัญหาเพิกถอนที่ดินป่าชายเลน เพื่อให้ผู้เดือดร้อนได้ทำกินแล้ว.ก่อให้เกิดความเดือดร้อนและส่งผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชนจำนวนมาก มีการเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวระนองเรื่อยมานั้นสำหรับพื้นที่ดังกล่าวอยู่ใน เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองหัวเขียว และป่าคลองเกาะสุย เป็นพื้นที่ป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี ปัจจุบัน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นผู้รับผิดชอบแทน กรมป่าไม้ ตั้งอยู่ในท้องที่ ต.บางริ้น และ ต.เขานิเวศน์ อ.เมืองระนอง เจ้าหน้าที่หลายภาคส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาให้แก่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าชายเลน.เดิมเป็นพื้นที่ป่าชายเลนเสื่อมสภาพผ่านการทำเหมืองแร่มาก่อนในปี พ.ศ.2525 อบจ.ระนอง ได้รับอนุญาตจาก กรมป่าไม้ ให้นำที่ดินไปจัดให้ราษฎรเช่าอยู่อาศัย และจัดให้เป็น ย่านการค้าอุตสาหกรรม เนื้อที่ 242 ไร่ 2 งาน ต่อมาในปี พ.ศ.2529 ได้รับอนุญาตเพิ่มอีก 224 ไร่ส่วน เทศบาลเมืองระนอง ได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ เนื้อที่ 17 ไร่ 2 งาน ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวได้เปลี่ยนเป็นพื้นที่ ชุมชนเมือง เต็มรูปแบบ เยาวชนเข้าศึกษาธรรมชาติของป่าชายเลน อ.เมืองระนอง ซึ่งยังมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ทั้งพืชและสัตว์นานาชนิด.ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2540 เป็นต้นมา อบจ.ระนอง ได้พยายามขอยกเว้น มติคณะรัฐมนตรี ที่ห้ามไม่ให้อนุญาตการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนทุกกรณี แต่ยังไม่เป็นผล เนื่องจากติดเงื่อนไขการจ่ายเงินค่าปลูกป่าทดแทน 20 เท่าของพื้นที่ขอใช้ประโยชน์ ซึ่ง อบจ.ระนองมีงบประมาณไม่เพียงพอที่จะดำเนินการได้จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2561 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ ตรวจราชการในท้องที่ จ.ระนอง พร้อมรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรที่อยู่อาศัยและทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนที่หมดอายุการอนุญาต นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.จึงได้สั่งการให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวระนองโดยเร็วนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจึงได้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมืองระนอง ขึ้น โดยมี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และ ผวจ. ระนอง เป็นประธาน การทัศนศึกษาของเยาวชนในแบบท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ทำให้เยาวชนเรียนรู้และเข้าใจวิถีของป่าชายเลนและการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างถูกวิธี.คณะทำงานฯ ดังกล่าว มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการ “เพิกถอน” ป่าสงวน แห่งชาติ และส่งมอบให้กระทรวงการคลังดำเนินการบริหารจัดการตามกฎหมาย ส่วนข้อระเบียบกฎหมายที่ติดขัดให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งไปหารือ ร่วมกับกรมธนารักษ์ต่อไปต่อมา วันที่ 30 มกราคม 2563 นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ประชุมหารือร่วมกับ นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผวจ.ระนอง หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น และผู้มีส่วนได้เสียกว่า 100 คน เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ชมความสมบูรณ์ป่าชายเลนใน อ.เมืองระนอง.เพื่อชี้แจงแนวทางการดำเนินการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองหัวเขียวและป่าคลองเกาะสุย (บางส่วน) และส่งมอบพื้นที่ให้แก่ กรมธนารักษ์ นำไปบริหารจัดการตามระเบียบล่าสุด เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2563 นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พร้อมด้วย นายอภิชัย เอกวนากุล ผอ.กองอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน ได้ลงพื้นที่ จ.ระนอง อีกครั้ง เพื่อเร่งรัดติดตามการสำรวจข้อมูลผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ป่าชายเลน ต.บางริ้น และ ต.เขานิเวศน์ อ.เมืองระนอง ยังมีสัตว์นานาชนิด.ทั้งนี้ ได้รายงานให้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับทราบผลการดำเนินงาน พร้อมทั้งได้สั่งการให้กรมเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวระนองให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็วที่สุดการแก้ไขปัญหานี้จะช่วย “ปลดล็อก” การอยู่ อาศัยแบบผิดกฎหมายมานานนับหลายสิบปีของ ชาว จ.ระนอง ให้อยู่อาศัยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และที่สำคัญการพัฒนาสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ไฟฟ้า ประปา ถนนหนทาง ตลอดจนการลงทุนต่างๆ จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วได้ในอนาคตนี่คือหนึ่งนโยบายสำคัญที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งเดินหน้าปลดทุกข์ให้กับประชาชนที่มี มายาวนานได้มีที่ดินอาศัยอย่างถูกต้อง.สรวุฒิ จงสกุล รายงาน