เมินส่งตราสารจัดตั้ง-แจ้งยกเลิกกิจการ ตั้ง กก.ควบคุมฯถอนใบอนุญาตเมื่อวันที่ 19 มี.ค. นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ กช. ที่ประชุมได้หารือถึงโรงเรียนเอกชนหลายแห่งที่ไม่ยอมส่งรายงานการประเมินตนเองตามระบบประกันคุณภาพ (Self-Assessment Report : SAR) มีจำนวน 234 แห่ง ซึ่งในเรื่องนี้โรงเรียนเอกชนจะต้องดำเนินการจัดส่งทุกปี ขณะที่การจัดส่งตราสารจัดตั้ง และรายละเอียดกิจการโรงเรียนเอกชนยังพบว่า มีโรงเรียนเอกชนจำนวน 529 แห่งไม่ได้ดำเนินการจัดส่งตราสารจัดตั้งดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2554 เช่นกัน ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดให้นายทะเบียนกลางจำเป็นต้องมีเอกสารเหล่านี้จัดเก็บไว้ โดยที่ผ่านมา สช.ใช้ความพยายามให้โรงเรียนเอกชนส่งข้อมูลหากไม่ส่งเราจะไม่อนุญาตให้ประกาศค่าธรรมเนียมใหม่ แต่การดำเนินการนี้กลับไม่ได้ผล เพราะโรงเรียนก็ไม่ยอมที่จะประกาศค่าธรรมเนียมการศึกษาใหม่เช่นกัน ที่ประชุมจึงมีข้อสรุปว่าหากโรงเรียนเอกชนยังละเลยเพิกเฉยเหล่านี้อยู่ขอให้ สช.ดำเนินการตามกฎหมาย คือ การให้โรงเรียนเอกชนงดรับนักเรียนในปีการศึกษาต่อไปทันทีเลขาธิการ กช. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ สช.ต้องการจัดระเบียบสังคมเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานทะเบียนจำนวนโรงเรียนต่างๆ จึงได้รายงานผลการติดตามโรงเรียนเอกชนที่ไม่มีจำนวนนักเรียนแต่ยังไม่ยื่นคำขอเลิกกิจการโรงเรียนในระบบ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 124 โรง จำแนกเป็น กรุงเทพมหานคร จำนวน 61 โรง ต่างจังหวัด จำนวน 63 โรง เนื่องจากมีปัญหาตามมาคือ เอกสารหลักฐานทางการเรียน สช.ไม่สามารถนำมาเก็บรักษาไว้ได้ เพราะโรงเรียนเหล่านี้ยังไม่ยอมขอยกเลิกกิจการ ซึ่งที่ผ่านมา สช.เร่งรัดและทวงถามข้อมูลไปยังผู้ถือใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนแล้วแต่ก็ยังไม่มีการแจ้งข้อมูลการยกเลิกกิจการแต่อย่างใด โดยการไม่ขอยกเลิกกิจการของโรงเรียนเอกชนนั้นกลับพบว่ามีครูประมาณ 100 คนมีรายชื่ออยู่ในโรงเรียนที่ไม่ได้มีนักเรียนแล้ว แต่ยังมีการส่งเงินสมทบเข้ากองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชนอยู่ทำให้รัฐต้องจ่ายเงินสมทบ 6% ทุกเดือน ซึ่งรัฐเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากฟรีทุกเดือน ดังนั้น สช.จะดำเนินการทวงถามอีกครั้ง หากยังเพิกเฉย สช.จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการควบคุมโรงเรียนเอกชนแห่งนั้นๆทันที.