หลายท่านคงรู้จักเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนมพืช หรือ Genome editing โดยเฉพาะเทคนิค CRISPR gene editing (เทคนิคการแก้ไขยีน) กันไปบ้างแล้วเทคโนโลยีนี้ถือเป็นการปรับแต่งจีโนมหรือชุดของดีเอ็นเอที่บรรจุในระดับนิวเคลียสของทุกๆเซลล์ อันบ่งบอกถึงข้อมูลพันธุกรรมทั้งหมดที่จำเป็นใช้ในการสร้างหรือดำรงชีวิตของพืชและสัตว์...ไม่เหมือนจีเอ็มโอ ที่เอายีนหรือสารพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นเข้ามายัดเยียดใส่ในสิ่งมีชีวิตอีกสายพันธุ์ล่าสุดในเวทีการหารือเกี่ยวกับการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวสาลีของนักวิทยาศาสตร์กว่า 200 คน จาก 73 องค์กร ใน 20 ประเทศ ที่แคนาดา เมื่อเดือนที่ผ่านมาเทคนิคนี้กำลังถูกนำมาใช้เพื่อให้ได้ข้าวสาลีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นทุกด้าน พร้อมไปกับสร้างความยั่งยืนให้เกษตรกรผู้ปลูก...หลังจากนักวิจัยค้นพบหญ้าในเขตชุ่มชื้นบางสายพันธุ์ มีวิวัฒนาการสามารถ ที่จะเก็บไนโตรเจนไว้ในดิน ให้พร้อมใช้งานได้เมื่อต้องการโดย Curtis Pozniak นักวิจัยและนักปรับปรุงข้าวสาลีพันธุ์ Durum มหาวิทยาลัย Saskatchewan ของแคนาดา กล่าวว่า “การเพิ่มลักษณะนี้ลงไปในข้าวสาลี จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและเกษตรกร เนื่องจากพันธุ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันใช้ปุ๋ยไนโตรเจนได้ประมาณครึ่งหนึ่งของปุ๋ยที่ใส่ไปเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะสูญหายไปกับน้ำผิวดินและน้ำใต้ดิน หรือเปลี่ยนเป็นก๊าซไนตรัสออกไซด์ หนึ่งในก๊าซเรือนกระจก”วิทยาการโลกในภาคเกษตรไปไกลทั้งเพื่อลดต้นทุน ลดโลกร้อน แต่บ้านเราก้าวข้ามไม่พ้นเทคโนโลยีวันวานเมื่อ 50-60 ปีที่แล้ว วันนี้ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องจ้องแบนสารเคมี เกษตรอินทรีย์...เคยสำเหนียกไหม ประเทศไทยต้องเสียดินแดนไปกี่ครั้ง เพราะรู้ไม่เท่าทันเทคโนโลยีฝรั่ง ไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองจริงหรือไม่ไปอ่านประวัติศาสตร์ดู...ยุคนี้เราจะเป็นเช่นนั้นอีกหรือ.