ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด “วิโรฒ สำรวล” ผอ.ร.ร.สามเสนฯ กับพวกรีดแป๊ะเจี๊ยะ 6 ผู้ปกครอง 1.4 ล้านบาท แลกรับเข้าเรียน ม.1 ซัดพฤติการณ์โจ่งแจ้งเบียดบังเงินแป๊ะเจี๊ยะเป็นผลประโยชน์ส่วนตัว บีบเจ้าหน้าที่การเงินให้ออกใบเสร็จรับเงินบริจาคย้อนหลัง ฟันทั้งข้อหาอาญา ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ และประพฤติชั่วร้ายแรงประเด็นแป๊ะเจี๊ยะฉาวของโรงเรียนดัง ที่ถูกร้องเรียนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ล่าสุด ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายวิโรฒ สำรวล ผอ.โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย กับพวก ทุจริตเรียกรับเงินจากผู้ปกครองนักเรียนแลกกับการเข้าเรียนในโรงเรียนเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 ก.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงกรณีการไต่สวนนายวิโรฒ สำรวล ผอ.โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย กับพวก ทุจริตเรียกรับเงินจากผู้ปกครองนักเรียนแลกกับการเข้าเรียนในโรงเรียนว่า ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายวิโรฒ และนายภูสิทธิ์ ประยูรอนุเทพ รอง ผอ.โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ในกรณีดังกล่าว คดีนี้ ป.ป.ช.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน มีนายวิทยา อาคมพิทักษ์ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน จากพยานหลักฐานฟังได้ว่าสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ออกประกาศเรื่องนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียนสังกัด สพฐ. ปีการศึกษา 2560 ลงวันที่ 16 ก.ย.2559 มีสาระสำคัญคือให้โรงเรียนที่มีอัตรา การแข่งขันสูงรับนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษได้หลายกรณี ได้แก่นักเรียนได้คะแนนสอบเท่ากันในลำดับสุดท้าย นักเรียนที่มีข้อตกลงในการจัดตั้งโรงเรียน นักเรียนที่เป็นผู้ยากไร้และด้อยโอกาส นักเรียนที่เป็นบุตรผู้เสียสละเพื่อชาติหรือผู้ประสบภัยพิบัติที่ต้องได้รับการสงเคราะห์ดูแลเป็นพิเศษ นักเรียนโควตาตามข้อตกลงของโรงเรียนคู่สหกิจหรือโรงเรียนคู่พัฒนา โรงเรียนเครือข่าย นักเรียนที่เป็นบุตรข้าราชการครู และบุคลากรของโรงเรียน และนักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ให้โรงเรียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยจัดอยู่ในโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงนายวรวิทย์กล่าวว่า ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนสามเสนวิทยาลัยออกประกาศเรื่องการรับนักเรียนประเภทเงื่อนไขพิเศษ ลงวันที่ 9 มี.ค.2560 จำนวน 4 ข้อ คือ 1.ข้อตกลงในการจัดตั้งโรงเรียน 2.บุตรข้าราชการครูและบุคลากรปัจจุบันของโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย 3.นักเรียนในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ต่อโรงเรียนมาอย่างต่อเนื่อง 4.นักเรียนโควตาตามข้อตกลงของโรงเรียนคู่พัฒนา หรือโรงเรียนเครือข่าย อย่างไรก็ตาม ก่อนการประกาศผลการสอบคัดเลือกปีการศึกษา 2560 ผู้ปกครองนักเรียนจำนวนหนึ่งแสดงความจำนงต่อสำนักงานผู้อำนวยการโรงเรียน ให้พิจารณารับบุตรหลานของตนเป็นนักเรียนประเภทเงื่อนไขพิเศษที่อยู่ในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ต่อโรงเรียน โดยเมื่อวันที่ 4 เม.ย.2560 ก่อนการประกาศผลการสอบคัดเลือกนักเรียนระดับชั้น ม.1 ประเภทเงื่อนไขพิเศษ ปีการศึกษา 2560 นายวิโรฒกับพวก ได้โทรศัพท์ติดต่อผู้ปกครองนักเรียนหลายรายที่ยื่นแสดงความจำนงไว้ เพื่อขอคำยืนยันเรื่องการบริจาคเงินให้โรงเรียน จากนั้นวันที่ 5 เม.ย.2560 โรงเรียนประกาศผลสอบคัดเลือกนักเรียนเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับ ม.1 มีรายชื่อนักเรียนประเภทเงื่อนไขพิเศษ 60 ราย จากนั้นผู้ปกครองนักเรียนระดับชั้น ม.1 ประเภทเงื่อนไขพิเศษ 6 ราย ได้นำเงินมาบริจาคให้โรงเรียน โดยนายวิโรฒ สำรวล และนายภูสิทธิ์ ประยูรอนุเทพ ร่วมกันรับเงินบริจาคจากผู้ปกครองทั้ง 6 ราย รวมเป็นเงิน 1,440,000 บาท แล้วนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตนนายวรวิทย์กล่าวว่า ต่อมาวันที่ 19 มิ.ย.2560 สื่อมวลชนเสนอข่าวเรื่องผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง เรียกรับเงินบริจาคจากผู้ปกครองของนักเรียนรายหนึ่ง 400,000 บาท เพื่อให้บุตรมีโอกาสเข้าเรียน โดยมีคลิปวิดีโอภาพและเสียงประกอบการเสนอข่าว จากนั้นวันที่ 20 มิ.ย. นายวิโรฒได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนยอมรับเป็นบุคคลที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้รับเงิน 400,000 บาทตามที่เป็นข่าว และในวันเดียวกันนายวิโรฒ นายภูสิทธิ์ และนายประเจิน โชติพงศ์กุล ครูชำนาญการพิเศษ (หัวหน้างานรับนักเรียน โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย) ร่วมกันสั่งการให้เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี ฝ่ายบริหารงานบุคคลการเงินและสินทรัพย์ 1 โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ออกใบเสร็จรับเงินว่าโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยได้รับเงินบริจาค โดยให้ลงวันที่ย้อนหลัง แต่เจ้าหน้าที่การเงินแจ้งว่าไม่สามารถออกใบเสร็จรับเงินโดยลงวันที่ย้อนหลังได้ บุคคลทั้งสามจึงร่วมกันสั่งให้เจ้าหน้าที่การเงินออกใบเสร็จรับเงิน โดยให้ลงวันที่ในใบเสร็จรับเงินเป็นวันที่ 21 มิ.ย.2560 แล้วนำเงินสดบางส่วนฝากธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงการคลัง ตามรหัสศูนย์ต้นทุนของโรงเรียน ผ่านระบบ GFMIS มีเจตนาเพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตนนายวรวิทย์กล่าวต่อว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วมีมติว่า การกระทำของนายวิโรฒกับพวก มีมูลความผิด ดังนี้ 1.นายวิโรฒ และนายภูสิทธิ์กรณีรับเงินบริจาคโดยไม่ออกใบเสร็จรับเงิน แล้วเบียดบังเป็นของตนเองโดยทุจริต และข่มขืนใจเจ้าหน้าที่การเงินฯออกใบเสร็จรับเงินและนำเงินส่งคืนภายหลัง เพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตน มีมูลความผิดทางอาญา และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ และฐานกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษามาตรา 94 วรรคสอง 2.นายประเจิน โชติพงศ์กุล กรณีร่วมกันข่มขืนใจเจ้าหน้าที่การเงินฯออกใบเสร็จรับเงิน เพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตนและบุคคลอื่น มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุน ตามประมวลกฎหมายอาญา และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ และฐานกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา มาตรา 94 วรรคสอง