ปลายปีที่แล้วมีการแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับ “การกลับชาติมาเกิด” ในโลกโซเชียล ผู้ใช้เฟซบุ๊กนามว่า “คลังพุทธศาสนา” ได้เล่าถึงหนังสือเล่มหนึ่งสมัยรัชกาลที่ 4 ที่พูดถึงเรื่องนี้ไว้อย่างมีเหตุมีผลเรื่องราวตัวอย่างแรก....มีเด็กหญิงคนหนึ่งเกิดขึ้นที่เมืองพนัสนิคม ครั้นเติบโตจนพูดได้แล้วก็บอกผู้ใหญ่ว่า เดิมตัวเองนั้นเป็นช้างชื่อ “พังตุ้ม” ช้างนั้นล้มแล้วจึงมาเกิดเป็นมนุษย์ ผู้ใหญ่ก็สงสัยกันว่าเด็กคงจะพูดเล่น จึงถามว่า...เอ็งตายที่ไหนเล่า จำได้ฤาไม่ เด็กก็บอกว่าจำได้...จึงนำไปชี้ที่ตายของพังตุ้ม ปรากฏว่า...เด็กก็ชี้ได้ถูกต้อง เป็นความจริง จึงให้ชื่อเด็กคนนี้ว่า “อี่ตุ้ม”อีกเรื่อง...มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งคลอดบุตรออกมาตายร่ำไป บิดามารดาเห็นประหลาดจำแผลที่หน้าได้ทุกครั้งก็เข้าใจว่าเด็กคนนั้นแลมาเกิดอีก จึงเอาเขม่าหม้อหมายหน้าหมายตัวทารกนั้นแล้วก็เอาไปฝังเสียครั้งภายหลังมีครรภ์ลูกคลอดออกมาอีกก็เห็นปานดำที่หมายทารกนั้น ตรงกันกับที่หมายเขม่าหม้อไว้แต่เดิม ครั้นทารกนั้นตาย บิดามารดาก็หมายที่อื่นไว้เป็นสำคัญอีก ครั้นภายหลังเกิดมาอีกคลอดออกมาก็เห็นที่หมายไว้อีก...เป็นความประหลาดอย่างหนึ่ง อีกเรื่องหนึ่ง หญิงนั้นคลอดบุตรออกมาเป็นหญิง ทั้งมือทั้งเท้าข้างละหกนิ้วเป็นยี่สิบสี่นิ้ว นิ้วนั้นเรียงกันเหมือนมือแลเท้าคนปกติ ครั้งทารกนั้นได้สักเจ็ดเดือนแปดเดือน หญิงนั้นนอนให้บุตรกินนม จุดเทียนไว้ริมเบาะ ครั้นหลับไปเทียนนั้นหมดเข้า ก็พลัดตกมาถูกเบาะ เบาะก็ไหม้ขึ้นทารกนั้นร้องจนสิ้นเสียง หญิงมารดานั้นก็ไม่ตื่น จนเบาะนั้นไหม้ไปถึงตัวมารดาร้อนเข้า จึงตื่นขึ้นมาเห็นบุตรตายแล้ว บิดามารดาก็เอาทารกนั้นไปฝังเสีย...อยู่มาไม่ช้าไม่นาน หญิงมารดาทารกนั้นก็มีครรภ์ลูกขึ้นมาอีก ครั้นถึงกำหนดคลอดก็คลอดบุตรออกมาเป็นหญิง มือแลเท้าข้างละหกนิ้วเหมือนแต่ก่อนไม่ผิดกันเลยแต่...คลอดครั้งนี้มารดาก็ตายบุตรก็ตายการกลับชาติมาเกิด...เป็นความเชื่อที่มีมาแต่โบราณ กล่าวกันว่า ผู้ที่ระลึกชาติได้นั้นมีน้อยเหลือเกิน และเกิดขึ้นได้เป็นกรณีพิเศษเท่านั้น ด้วยเพราะส่วนใหญ่จะลืมชาติภพในอดีตกันไปจนหมด เรื่องลี้ลับอาถรรพณ์-ปริศนาทั่วโลก มีผู้โพสต์เอาไว้ถึงความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลและโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกล่าวถึง “การจำอดีตชาติได้” หมายถึงการที่สามารถจำอดีตชาติได้ด้วยความทรงจำปกติ โดยที่ไม่ต้องใช้วิธีการใดๆเพื่อให้ได้มาซึ่งความทรงจำเลย ไม่ว่าจะเป็นการสะกดจิต หรือวิธีการอื่นๆขณะที่ “การระลึกชาติได้” นั้น หมายถึง การได้มาซึ่งความทรงจำในอดีตโดยการใช้วิธีใดๆ ก็ตามเพื่อให้ได้มา อาจจะด้วยการสะกดจิต ฝึกฝนสมาธิ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการระลึกชาติได้ที่ว่านี้ ไม่ได้มาด้วยความทรงจำแบบปกติโดยทั่วไป น่าสนใจว่า...นักวิทยาศาสตร์ นักจิตวิทยาไม่น้อยยอมรับ และเชื่อ เกี่ยวกับเรื่องการระลึกชาติและยังคงเดินหน้าหาคำตอบที่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้อย่างชัดแจ้งอยู่อย่างต่อเนื่อง กรณีเด็กคนหนึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์มีข่าวแพร่สะพัดทางเคเบิลทีวีรายการหนึ่งที่บุกไปพิสูจน์ ขอใช้นามสมมติว่า “น้องปีใหม่” ด้วยว่ากันว่าเธอนั้นระลึกชาติได้เป็น “ย่า” มาเกิดแม่ของเธอนั้นหมอระบุว่ามีลูกไม่ได้เพราะมดลูกผิดปกติ และก่อนที่ย่าจะเสียชีวิตก็ได้เคยบอกไว้ว่าจะมาเกิดเป็นลูกของลูกชายกับลูกสะใภ้ เพราะสงสารว่าแก่ตัวไปแล้วจะไม่มีทายาทสืบสกุล ไม่มีลูกหลานดูแล และเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจด้วยเช่นกันว่า...ตอนเกิดนั้นเด็กก็กลับมีรอยบุ๋มที่หลังใบหูทั้งสองข้างเหมือนกับย่าแถมเกิดได้ไม่กี่วันก็กระแอมเสียงเหมือนกับผู้ใหญ่ ยิ่งเหมือนกับผู้เป็นย่าตอนยังมีชีวิตที่ชอบกระแอมด้วยเสียงลักษณะเดียวกันนี้อีกด้วย และยิ่งทำให้ทีมงานที่ไปบุกพิสูจน์ต้องตะลึงก็คือเมื่อมีการขอให้เปิดบ้านย่าที่ถูกปิดตายไว้นานมาแล้ว นำรูปถ่ายที่ใช้ในงานศพคุณย่าและคุณปู่สามี เอามารวมปะปนกับภาพของบุคคลอื่นๆอีกหลายภาพ ซึ่งเด็กไม่เคยพบมาก่อนให้ดู และถามว่าคือคนไหน... ปรากฏว่า...น้องเดินเข้าไปชี้ที่รูปคุณย่า เท่านั้นยังไม่พอยังถามต่อไปถึงแฟนของน้องอีกด้วย ปรากฏว่าก็ชี้ยืนยันได้อย่างถูกต้องแบบไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ทำให้ผู้ที่รู้เรื่องราวนี้น่าฉงนสงสัยกันเป็นอย่างมากว่า...เป็นเรื่องจริงหรือไม่อย่างไรกันแน่“กฎแห่งกรรม” ตามหลักพุทธศาสนาเป็นเรื่องของการกระทำ ซึ่งยังไม่ถือว่า “ดี” หรือ “ชั่ว” เป็นการกระทำทุกอย่างที่แสดงออกจากตัวเราในชาตินี้...ไม่มีใครหนีได้ แต่หากจะถามว่าทำอะไรในชาตินี้แล้วชาติหน้าจะเป็นอย่างไร จะดีจะเลวมากน้อยแค่ไหน ก็คงไม่มีใครตอบได้...เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อของแต่ละบุคคลกระนั้นก็ดี “ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่ออย่างไรก็โปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.รัก-ยม