หากเอ่ยชื่อจังหวัด อำเภอ หรือสถานที่น่าสนใจ ล้วนแล้วแต่มีเรื่องราว ที่มาที่ไปในแต่ละพื้นที่...!จากจุดนี้เอง อ.นาด้วง จ.เลย ซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และ พืชผลต่างๆ โดยเฉพาะกล้วยและมะพร้าวจึงกลายเป็นแหล่งอาศัยใหญ่ของ “ด้วง” แมลงที่มีทั้งให้คุณและโทษกับพืชผลของเกษตรกรจากแนวคิดนี้ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงด้วง บ้านท่าสวรรค์ อ.นาด้วง จึงผุดไอเดียเก๋ไก๋ เพาะเลี้ยงด้วงในกะละมัง ไว้แปรรูปเป็นอาหารส่งป้อนตลาด คุณภาพและราคาสูง สร้างรายได้ให้อย่างงามนางนรีกานต์ แก้วสา อายุ 42 ปี ประธานกลุ่มกล่าวว่า แนวคิดนี้ต้องยกให้เพื่อนชาวพังงาเป็นผู้จุดประกาย การนำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ด้วงจากพังงามาเลี้ยงในกะละมังพลาสติก รวม 20 กะละมัง ได้ผลผลิต 12 กะละมังลองผิดลองถูกเรื่อยมาจนประสบผลสำเร็จแบบไม่คาดคิด หลังพ่อค้าชาวลาวข้ามฝั่งมาซื้อฝั่งไทยนำกลับไปขาย ด้วยเหตุด้วงที่เลี้ยงเป็นด้วงมะพร้าว และด้วงสาคูเมื่อนำไปทอดรสชาติอร่อยเด็ด ทั้งหอมมัน ตัวโตสะอาดพ่อค้าคนกลางทราบข่าวเข้าไปซื้อถึงฟาร์ม นำไปขายต่อกิโลกรัมละ 300-350 บาท ผู้สนใจบางรายใช้ติดต่อทางโทรศัพท์ 06-1484-3829 เม็ดเงินรายได้จากการเลี้ยงด้วงนำไปเลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบายวิธีการไม่ยุ่งยาก พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ 5 คู่ เลี้ยงต่อ 1 กะละมัง อาหารเลี้ยง ประกอบด้วย อาหารหมูขุนโปรตีน 16% จำนวน 3 ขีด มันสำปะหลังบด 1 กก. ตามด้วยต้นอ้อยสับ หรือเปลือกมะพร้าวอ่อนสับ 2 กก.นำทั้งหมดใส่กระทะ หรือหม้อน้ำ ขนาด 50 ซม. เทน้ำเปล่าคลุกเคล้าให้เข้ากัน จึงนำไปวางในกะละมังเลี้ยง ตามด้วยเปลือกมะพร้าวแห้ง และกล้วย แล้วใช้ของหนักทับปิดฝากะละมังป้องกันไม่ให้ด้วงหนีปล่อยให้ด้วงแม่พันธุ์อายุน้อยกว่าด้วงตัวผู้วางไข่ทุกวัน เมื่อออกลูกออกหลานตัวเป็นๆ ส่งขายให้พ่อค้าคนกลาง หรือแปรรูปเป็นข้าวเกรียบด้วงมะพร้าว น้ำพริกด้วง แจ่วด้วง ขายได้อีกสารพัดสมัยนี้คนนิยมรับประทานแมลงมากขึ้น ออเดอร์ทั้งในและต่างประเทศ ไม่ต้องห่วงมีมาต่อเนื่อง...!บุศย์ สิริปัญญาพร