ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคมโลก ทั้งสามเจเนอเรชันของราชวงศ์ไทยยังคงปรากฏบทบาทที่หนักแน่นในด้านการพัฒนาและสร้างความผูกพันกับประชาชน ในฐานะศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติผู้พลิกฟื้นภูมิปัญญาชาวบ้านสู่มรดกคู่แผ่นดิน“สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” คือพลังเงียบที่ขับเคลื่อนประเทศ ผ่านการเป็นศูนย์กลางการพัฒนางานศิลปหัตถกรรมไทย และการสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นมาต่อเนื่องยาวนาน โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อช่วยเหลือราษฎรให้มีรายได้เสริมนอกเหนือจากอาชีพเกษตรกรรมภายใต้พระวิสัยทัศน์อันเฉียบคม ทรงเล็งเห็นว่าศิลป วัฒนธรรมไทยคือศักดิ์ศรีของชาติ, งานหัตถกรรมไทยต้องอยู่รอดอย่างสง่างามในโลกสมัยใหม่ และผู้หญิงไทยต้องมีโอกาสในการสร้างอาชีพพึ่งพาตนเองได้ ทรงเป็นผู้ค้นพบคุณค่าในงานฝีมือของชาวนาชาวไร่, ทรงวางรากฐานให้งานหัตถกรรมไทยกลายเป็นสินค้ามูลค่าสูง และทรงพลิกฟื้นภูมิปัญญาชาวบ้านสู่มรดกคู่แผ่นดิน จนกลายเป็น “สัญลักษณ์ของชาติ” ที่สร้างมูลค่าเศรษฐกิจในทางสร้างสรรค์ได้อย่างแท้จริง ทำให้ช่างฝีมือทั่วประเทศมีรายได้, มีอาชีพ, มีคุณค่า และภาคภูมิใจในศักดิ์ศรีของตนเอง โครงการตามแนวพระราชดำริของ “สมเด็จพระบรม ราชชนนีพันปีหลวง” ถือเป็นจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมงานฝีมือและหัตถกรรมในวงกว้าง กลายเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะยาวมาจนถึงปัจจุบัน ก่อนคำว่า “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” จะถือกำเนิดในฐานะเครื่องยนต์ใหม่ที่จะนำพาเศรษฐกิจไทยก้าวไกลสู่สากลยุคแห่งการจัดระเบียบและสร้างระบบงานพัฒนาที่ยั่งยืนในรัชสมัยของ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10” ทรงสืบสานแนวทางการพัฒนาคนและพื้นที่ ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท “พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร” เพื่อประโยชน์สุขแก่ปวงประชาราษฎร์ และความเจริญก้าวหน้าของประเทศ โดยทรงเน้นการจัดสรรทรัพยากร, การปรับปรุงระบบงาน และการสนับสนุนภารกิจเพื่อประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยเหลือแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในทุกด้าน ทั้งด้านการเกษตร, การศึกษา, การบริหารจัดการน้ำและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนถึงการรับมือกับภัยพิบัติต่างๆ โดยทรงตระหนักและเล็งเห็นถึงคุณค่าของแนวทางพระราชดำริ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โครงการอันเนื่องมาจากพระ ราชดำริกว่า 4,000 โครงการ ทำให้เกิดองค์ความรู้สำคัญ ล้วนมุ่งให้การพัฒนาประเทศมีความเจริญก้าวหน้า โดยเฉพาะแนวทาง “ทฤษฎีใหม่” เป็นแนวทางการประกอบอาชีพแก่เกษตรกรไทย และวิถีการดำรงชีวิตแบบ “เศรษฐกิจพอเพียง” เพื่อให้ประชาชนชาวไทยสามารถดำเนินชีวิตด้วยความผาสุกมั่นคงในทุกสถานการณ์ของบ้านเมือง ตลอดจนทำให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงการทำหน้าที่บนหลักของการเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา “พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว รัชกาลที่ 10” ทรงยึดมั่นที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชดำริต่างๆ ตามรอยพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรม ชนกนาถ เพื่อสร้างความผาสุกแก่ประชาชนพระวิสัยทัศน์อันโดดเด่นในรัชสมัยของพระองค์คือ การมุ่งเน้นความต่อเนื่องของโครงการพัฒนาต่างๆ, การปรับปรุงระบบองค์ความรู้ให้ชัดเจนได้มาตรฐาน, การทำงานร่วมกับภาครัฐและชุมชนอย่างใกล้ชิด และการดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น หลายโครงการกลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างงานแบบดั้งเดิมที่สั่งสมมาหลายทศวรรษ กับการบริหารจัดการแนวใหม่ที่ต้องการความโปร่งใส, ความเป็นระบบ และความยั่งยืน ผู้แปลงวัฒนธรรมไทยเป็นพลังสร้างสรรค์ระดับโลก เมื่อวิสัยทัศน์ของสองรุ่นก่อนกลายเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญ “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้า สิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา” ทรงมีบทบาทโดดเด่นในฐานะ “ผู้นำทางวัฒนธรรมรุ่นใหม่” โดยขยายแนวคิดที่ริเริ่มมาจาก “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” และ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10” ไปสู่โลกแห่งแฟชั่น, กีฬา และงานดีไซน์ร่วมสมัยทรงมีพระปณิธานแน่วแน่ที่จะทำให้วัฒนธรรมไทยร่วมสมัยได้จริง ไม่ใช่แค่เชิงอนุรักษ์ ขณะเดียวกัน ก็ทรงผลักดันผ้าไทยเข้าสู่เวทีแฟชั่นระดับโลก โดยทรงเป็นแบบอย่างของการผสมผสานงานฝีมือไทยเข้ากับดีไซน์สากล อีกทั้งยังทรงสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ได้ภูมิใจในความเป็นไทย “สมเด็จเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” คือภาษาใหม่ของวัฒนธรรมไทย ที่ยังคงยืนบนรากฐานเดิม แต่เปลี่ยนวิธีเล่าเรื่องใหม่ให้โลกฟัง ทรงใช้ผ้าไทยก้าวข้ามขอบเขตของคำว่าอนุรักษ์ ไปสู่การสร้างสรรค์อย่างมีชีวิตชีวาในโลกแฟชั่นร่วมสมัย ทรงให้กำเนิดแบรนด์ “SIRIVAN NAVARI” ซึ่งเป็นมากกว่าแบรนด์แฟชั่น แต่คือแพลตฟอร์มทางวัฒนธรรมที่นำผ้าไทยและงานหัตถศิลป์ไทยก้าวสู่รันเวย์ระดับโลก“สมเด็จเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ทรงสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานอันยิ่งใหญ่ใน “สมเด็จพระบรมราชชนนี พันปีหลวง” ทรงนำพระประสบการณ์ด้านการศึกษาและการทรงงาน ประกอบกับพระอัจฉริยภาพด้านแฟชั่น, ศิลปะ และการออกแบบ บูรณาการกับการศึกษาค้นคว้าภูมิปัญญาพื้นถิ่น นำมาซึ่งแนวพระดำริฯ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” เพื่อให้ผ้าไทยเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของประชาชนทุกเพศทุกวัย โดยเชิญชวนผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผ้าไทย, นักออกแบบแถวหน้าระดับประเทศ และผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่างๆมาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ และให้คำปรึกษาแก่กลุ่มช่างทอผ้า, ผู้ผลิต และผู้ประกอบการ เพื่อยกระดับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไทย ปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของวงการผ้าไทยคือ ผ้าลายพระราชทานเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ที่ผ่านการศึกษาค้นคว้าลวดลายผ้าโบราณจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และทรงนำมาออกแบบผสมผสานเกิดเป็นลวดลายผืนผ้าต้นแบบที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ เริ่มตั้งแต่ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี, ผ้าบาติกลายปาเต๊ะร่วมใจเทิดไท้เจ้าหญิง, ผ้าบาติกลายป่าแดนใต้, ผ้าบาติกลายท้องทะเลไทย, ผ้าลายขิดนารีรัตนราชกัญญา, ผ้าลายดอกรักราชกัญญา และผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์ อีกทั้งยังทรงริเริ่มแนวพระดำริฯ “แฟชั่นแห่งความยั่งยืน” ส่งเสริมทุกกระบวนการสร้างสรรค์ผืนผ้าและหัตถกรรมไทยให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, ผู้สร้างสรรค์ และผู้สวมใส่ สอดคล้องกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมระดับโลก โดยคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ท้องถิ่นที่แจ่มชัด การปลุกกระแสผ้าไทยให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยนำเอกลักษณ์ดั้งเดิมในการทอผ้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย มาประยุกต์ใหม่เพิ่มลวดลายเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์และมีความหมาย ไม่เพียงสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่หันมาสวมใส่ผ้าไทยอย่างจริงจัง แต่ยังส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทย ช่วยชุบชีวิตในยามวิกฤติ เพิ่มรายได้และต่อลมหายใจให้ชุมชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ได้มีรายได้จุนเจือครอบครัว และสามารถพึ่งพาตนเองได้ พระวิสัยทัศน์และพระกรณียกิจที่สร้างประโยชน์มหาศาลนี้ ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือองค์การยูเนสโก นำโดย “นางโอเดรย์ อาซูเลย์”ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก ได้ขอพระราชทานถวายการประกาศเชิดชูพระเกียรติ และถวายเหรียญสดุดีพระกรณียกิจ ด้านการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรม และการส่งเสริมงานวิจิตรศิลป์ รวมทั้งการขับเคลื่อนวัฒนธรรม ตลอดจนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในประเทศไทย ณ สำนักงานใหญ่องค์การยูเนสโก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ขณะที่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ถวายรางวัล “WIPO Award for Creative Excellence 2025” เพื่อประกาศเกียรติคุณพระอัจฉริยภาพทางด้านการสร้างสรรค์ผลงานแฟชั่น, งานลิขสิทธิ์ และการนำทรัพย์สินทางปัญญา มาใช้ยกระดับศักยภาพช่างฝีมือในชุมชนท้องถิ่น รางวัลระดับโลกนี้นับเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินและนักออกแบบทั่วโลก ต่างเจเนอเรชันแต่คงไว้ซึ่งพระวิสัยทัศน์เดียวกัน คือการเชิดชูวัฒนธรรมไทยเป็นแก่นของชาติ, ความเป็นไทยต้องอยู่รอดบนเวทีโลก, ประชาชนต้องมีโอกาสและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และการพัฒนาไม่ใช่งานชั่วคราว แต่เป็นสายธารแห่งความมุ่งมั่นที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น.ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่