สัปดาห์ที่ผ่านมา ทีมงานซอกแซกเขียนถึงร้านกาแฟ Cook & Coff ของเรือนจำกลางคลองไผ่ ณ บริเวณเขาเขื่อนลั่น ซึ่งเป็นเรือนจำที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง ของประเทศไทย ตั้งอยู่ริมเขื่อนลำตะคอง ...สามารถจิบกาแฟชมวิว “แสนล้านบาท” ได้อย่างเพลิดเพลิน ดังรายละเอียดที่ท่านผู้อ่านคงจะได้อ่านกันแล้วสัปดาห์นี้เรามาเดินทางต่อจากเขื่อนลำตะคองสู่อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา กันเลยครับ เพื่อที่จะไป “กราบย่าโม” วีรสตรีแห่งที่ราบสูงของเรา และถือโอกาสตระเวนไปรอบๆตัวเมือง พร้อมแวะรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนกลับไปค้างคืนต่อที่ปากช่องตามโปรแกรมที่วางไว้จริงๆแล้วระยะทางจากปากช่อง ขับรถไปตามถนนมิตรภาพ ถึงอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา มีความยาวประมาณ 98 กิโลเมตรเท่านั้น ถ้าใช้เวลาเดินทางรวดเดียวโดยไม่พักเลย ก็จะประมาณชั่วโมงเศษๆแต่เนื่องจากเราออกจากปากช่องตั้งแต่เช้าและใช้เวลาแวะไปเรื่อยตามจุดสำคัญของเขื่อนลำตะคอง รวมทั้งที่ร้านกาแฟของเรือนจำคลองไผ่ด้วย จึงใช้เวลามากหน่อยแต่ก็คุ้มค่ามาก ได้สัมผัสความสุข ความงามและเรื่องราวที่น่าสนใจริมเขื่อน ดังที่เล่ามาตลอด 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาคณะของเราไปถึงอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เกินเที่ยงนิดๆ แต่ยังไม่มีใครหิว จึงตัดสินใจมุ่งหน้าสู่ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ ถนนราชดำเนิน และถนนชุมพล ในบริเวณตัวเมืองชั้นใน ก่อนอื่นคุณหญิงโมเป็นชาวเมืองนครราชสีมาโดยกำเนิด ชอบเล่นกระบี่กระบองตั้งแต่เด็ก จึงมีความแข็งแรง และมีความรู้ในการป้องกันตัว ดีพอสมควร ต่อมาได้สมรสกับนายทองคำขาว พนักงานกรมเมือง และเมื่อนายทองคำขาวได้เลื่อนเป็นพระยาสุริยเดช ตำแหน่ง “ปลัดเมือง” นครราชสีมา นางโม หรือคุณนายโมก็ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น “คุณหญิงโม” ไปตามสามีครั้นในปี พ.ศ.2369 เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ ประกาศตัวเป็นกบฏต่อกรุงรัตน โกสินทร์ ยกกองทัพลงมายึดเมืองนครราชสีมาและกวาดต้อนครอบครัวชาวนครราชสีมา รวมทั้งคุณหญิงโมไปเป็นเชลย แต่เมื่อเดินทางไปถึงทุ่งสัมฤทธิ์ คุณหญิงโมก็ชักชวนเชลยทั้งหมดแข็งข้อจับอาวุธต่อสู้ กับทหารเจ้าอนุวงศ์อย่างห้าวหาญเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2395 ประกอบกับทัพใหญ่ของฝ่ายไทยเดินทางมาถึง จึงสามารถปราบกองทัพเจ้าอนุวงศ์ กอบกู้เมืองนคร ราชสีมากลับมาได้สำเร็จความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า เจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาคุณหญิงโมขึ้นเป็น ท้าวสุรนารี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2370 ซึ่งคุณหญิงโมมีอายุได้ 57 ปี และมีอายุยืนยาวจนถึงแก่อสัญกรรมเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2395 สิริอายุ 81 ปีด้วยวีรกรรมและคุณงามความดีตลอดจนความกล้าหาญเสียสละตนเองเพื่อชาติบ้านเมือง ทำให้เรื่องราวของท้าวสุรนารีได้รับการยกย่องและกล่าวขวัญถึงจากปากต่อปากมาโดยตลอดจนถึงยุค จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมกับพี่น้องชาวนครราชสีมา จัดสร้างอนุสาวรีย์ขึ้นเมื่อ พ.ศ.2476 โดยมอบหมายให้ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรีและ พระเทวาภินิมมิต ซึ่งเป็นชาวนครราชสีมาร่วมกันออกแบบอนุสาวรีย์หล่อด้วยทองแดงรมดำสูง 185 เซนติเมตร หนัก 325 กิโลกรัม ประดิษฐาน ณ บริเวณหน้าประตูชุมพล (ประตูเมืองนครราชสีมาด้านตะวันตก) โดยมีพิธีเปิดในช่วงต้นปี 2477 ยืนยงมาจนถึงปัจจุบันนี้ในวันที่ทีมซอกแซกเดินทางไปถึงถนนราชดำเนินและประตูชุมพลอันเป็นที่ประดิษฐานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น แม้จะล่วงเลยเวลาเที่ยงมาค่อนข้างมากและแดดก็ค่อนข้างร้อน แต่ก็ยังมีพี่น้องประชาชนหลายร้อยคน เห็นได้ชัดเจนว่าน่าจะมาจากต่างจังหวัดหรือต่างอำเภอ เพราะมีรถทัวร์จอดอยู่หลายคัน ต่างลงไปกราบไหว้อธิษฐานขอพรจากย่าโมอย่างไม่ขาดสายและไม่ย่อท้อ รวมทั้งทีมงานซอกแซกด้วยจากนั้นทีมงานซอกแซกก็แวะไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก และเป็นร้านแนะนำจากคู่มือท่องเที่ยวของจังหวัด ซึ่งไม่ประทับใจเท่าใดนัก จึงขออนุญาตไม่เขียนถึงแต่สำหรับร้านในความทรงจำของหัวหน้า ทีมนั้น ยังคงนึกถึงภัตตาคารจีนเก่าแก่ประจำ เมือง เสียวเสี้ยว อยู่เสมอกับร้าน เจ๊น้อย กระโทก เจ้าตำรับหมี่กระโทกชื่อดังของโคราช --ไว้โอกาสหน้ามีเวลามากกว่านี้ค่อยกลับไปรับประทานรำลึกความหลังกันอีกสักครารับประทานอาหารกลางวันที่ไม่อร่อยเลย เสร็จสรรพทีมงานซอกแซกก็ถือโอกาสตระเวนรถไปรอบๆเมืองด้วยความตื่นตาตื่นใจที่เห็นเมืองโคราชเจริญขึ้นอย่างผิดหูผิดตา เมื่อเทียบกับ 10 ปีที่แล้วน่าเสียดายที่ช่วงหลังๆนี้อาจซบเซาลงบ้างจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และความตึงเครียดทั่วโลกที่มีผลกระทบมาถึงประเทศไทยเรา ทำให้ทุกๆจังหวัดเงียบเหงาไปพอสมควร รวมทั้งในตัวเมืองนครราชสีมา เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมก็ขอให้กำลังใจ ขอให้สู้ๆกันต่อไป ใครยังมีเงินทองพอเหลือเที่ยวอย่าลืมควักออกมาเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจต่างจังหวัดกันบ้าง โดยเฉพาะ “โครงการคนละครึ่ง” ของรัฐบาลลอดออกมาเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมลงทะเบียนกันด้วยนะครับ.“ซูม”คลิกอ่านคอลัมน์ “ซูมซอกแซก” เพิ่มเติม