นานหลายศตวรรษที่นักดาราศาสตร์รู้จัก “โนวา” (Nova) ซึ่งเป็นการระเบิดของนิวเคลียร์อย่างรุนแรง เกิดจากการสะสมมวลของไฮโดรเจนสู่พื้นผิวของดาวแคระขาว ก่อให้เกิดการจุดระเบิดและเกิดนิวเคลียร์ฟิวชันในภาวะความร้อนแบบฉับพลัน นักดาราศาสตร์ชาวแดนมาร์กในศตวรรษที่ 16 ชื่อทีโค บราห์ เป็นผู้คิดคำนี้ขึ้นหลังได้เห็น “ซุปเปอร์โนวา” (Supernova) เมื่อ พ.ศ.2115 จนล่วงเลยมาถึงทศวรรษที่ 1930 นักวิทยาศาสตร์เริ่มแยกแยะเหตุการณ์ต่างๆได้ และพบว่าสาเหตุและพลังงานของ “โนวา” และ “ซุปเปอร์โนวา” นั้นแตกต่างกันมากล่าสุดทีมนักดาราศาสตร์นานาชาติ ร่วมด้วยนักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเดอรัมในอังกฤษ เผยว่า พบข้อมูลจากดาวเทียมสำรวจอวกาศเทสส์ที่ทำภารกิจตามหาดาวเคราะห์นอกระบบ แสดงให้เห็นถึงแสงวาบช่วงระยะเวลาสั้นๆจากดาวแคระขาว แทนที่จะหรี่แสงลง แต่แสงวาบนั้นเล็กเกินกว่าจะเป็นโนวา ซึ่งมีพลังมากกว่าและมีช่วงเวลายาวนานกว่ามาก ทีมงานจึงเริ่มค้นหาสถานการณ์ที่สามารถอธิบายแสงวาบช่วงสั้นๆ นี้ และพบว่าคำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุดคือมันน่าจะเป็น “ไมโครโนวา” (Micronovae) พร้อมอธิบายว่าเมื่อดาวแคระขาวที่มีสนามแม่เหล็กกำลังสูงอยู่ในระบบดาวคู่ มันสามารถดูดสสารออกจากดวงดาวข้างเคียงได้ โดยสนามแม่เหล็กจะส่งสสารไปยังขั้วของดาวแคระขาว ซึ่งสะสมจนทำให้เกิดการระเบิดนั่นเองปรากฏการณ์นี้ท้าทายความเข้าใจของนักดาราศาสตร์ว่าการระเบิดนิวเคลียร์อย่างรุนแรงในดาวฤกษ์เกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งนี้ ไมโครโนวาอาจพบได้ทั่วไปในจักรวาลแต่ตรวจจับได้ยากเพราะอยู่ได้ในชั่วเวลาไม่นาน.