เป็นโรงแรมชั้นนำระดับตำนานที่อยู่คู่เมืองไทยมายาวนานถึง 146 ปี สำหรับ “โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ” สร้างชื่อเสียงให้ประเทศด้วยมาตรฐานการให้บริการเหนือระดับที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร จนกลายเป็นแบบอย่างความอบอุ่นแบบไทยที่เปี่ยมรสนิยมโก้หรู ท่ามกลางบรรยากาศสุขสงบของริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา “โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ” สร้างขึ้นเมื่อปี 2419 ได้รับการกล่าวขานในฐานะสถานที่พักผ่อนที่สร้างแรงบันดาลใจให้บุคคลสำคัญระดับอินเตอร์ ตลอดจนพระราชวงศ์โลก, ศิลปินนักแสดงที่มีชื่อเสียง และนักเขียนชื่อก้องมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “โจเซฟ คอนราด”, “ซอมเมอร์เซ็ท มอห์ม”, “วิลเบอร์ สมิธ” และ “จอห์น เลอ คาร์เร” ภายหลังการปรับปรุงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เมื่อปี 2559 ไล่มาจากอาคาร “ดิ ออเธอร์ส วิงค์” และ “การ์เด้น วิงค์” มาจนถึง “ริเวอร์ วิงค์” ในปี 2562 มีการเพิ่มจำนวนห้องสวีตและขยายพื้นที่ห้องพักให้กว้างขวางขึ้น สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์แม่น้ำเจ้าพระยาได้ชัดเจน โดยหลายห้องตั้งชื่อตามชื่อของนักประพันธ์คนดังที่เคยเข้าพักในโรงแรม ขณะเดียวกันยังเพิ่มห้องอาหารและบาร์ 11 แห่ง เพื่อสร้างความหลากหลายให้ลูกค้าในการเลือกรับบริการ มีตั้งแต่เมนูอาหารไทยแท้ดั้งเดิม ไปจนถึงอาหารฝรั่งเศสชั้นเลิศที่ได้รับรางวัลมิชลินระดับสองดาว เช่น “ห้องอาหารเลอ นอร์มังดี บาย อลัง รูซ์” และห้องอาหารญี่ปุ่น “คินู บาย ทาคากิ” บริหารโดยเชฟระดับมิชลินสตาร์สองดาว “ทาคากิ คาซูโอะ” ก็เพราะแขกผู้มาเยือนจากต่างประเทศและแขกชาวไทย ต่างรู้สึกอบอุ่นคุ้นเคยและสบายใจที่ได้มาเยือนโรงแรมแห่งนี้ จึงไม่แปลกที่ “โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ” จะถูกนิยามให้เป็น “ห้องนั่งเล่นของกรุงเทพฯ” ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สอง สะท้อนได้ดีถึงความมีชื่อเสียงด้านการบริการ ที่เต็มไปด้วยอัธยาศัยไมตรีแสนอบอุ่น โดยปัจจุบันแขกหนึ่งห้องพักจะได้รับการบริการจากพนักงานเฉลี่ย 3 คน ถือเป็นอัตราส่วนพนักงานต่อแขกที่สูงที่สุดในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเข้าพัก หรือรับประทานอาหาร ใช้บริการสปา, จัดเลี้ยง หรือเพียงแวะมาจิบกาแฟ ก็จะได้รับการบริการอย่างใกล้ชิดจาก “สมาชิกครอบครัวโอเรียนเต็ล” ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุงานเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 14 ปี อัดแน่นไปด้วยประสบการณ์ความรอบรู้เกี่ยวกับโรงแรมเป็นอย่างดี “มร.แอนโทนี่ ไทเลอร์” ผู้จัดการใหญ่ของ “โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ” เผยว่า ตลอด 146 ปีที่ผ่านมา “แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ” ถือเป็นสัญลักษณ์ที่มีชีวิตชีวาของกรุงเทพฯ พนักงานทุกคนมุ่งมั่นจะมอบบริการอันเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับโอเรียนเต็ล เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าและคอยต้อนรับทุกท่านอย่างอบอุ่นแบบไทย เราจะยังคงเป็นหนึ่งในโรงแรมระดับตำนานของโลกต่อไป และพวกเราพร้อมต้อนรับแขกของเรากลับบ้านหลังที่สองเสมอ ในฐานะแขกคนสำคัญของครอบครัวโอเรียนเต็ล.
