(ภาพ : Credit : NASA's Goddard Space Flight Center Conceptual Image Lab/Michael Lentz)บอลลูนอาจดูเหมือนเทคโนโลยีที่ล้าสมัย แต่จริงๆแล้วกลับมีข้อได้เปรียบที่ไม่เหมือนใคร องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกาหรือองค์การนาซาได้ทำโครงการบอลลูนวิทยาศาสตร์มานานถึง 30 ปี ส่งไปทำภารกิจเหนือพื้นดินและในอวกาศอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของนาซา ตลอดจนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและการศึกษาอื่นๆการใช้บอลลูนไม่เพียงแต่จะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับภารกิจอวกาศ แต่ยังใช้เวลาสั้นกว่าในการวางแผนและการปรับใช้งานในช่วงต้น ซึ่งหมายความว่าบอลลูนเหมาะต่อการแบกรับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ โดยที่ยังลอยอยู่ในอวกาศ เมื่อต้องการทำงานผ่านความท้าทายเหล่านี้บอลลูนจึงเหมาะต่อภารกิจในอนาคตกับการกวาดเก็บรับผลประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ ล่าสุด ห้องปฏิบัติการแรงขับเคลื่อนไอพ่นของนาซา เผยว่า จะเริ่มภารกิจใหม่ในการนำกล้องโทรทรรศน์สูง 2.5 เมตรสุดล้ำสมัยโดยใช้บอลลูนลอยขึ้นไปสู่ชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์ เพื่อวัดการเคลื่อนที่และความเร็วของก๊าซรอบดาวฤกษ์ที่เพิ่งเกิดใหม่ โดยจะทำแผนที่ 3 มิติอย่างละเอียดกล้องโทรทรรศน์นี้มีชื่อว่า ASTHROS (Astrophysics Stratospheric Telescope for High Spectral Resolution Observations at Submillimeterwavelengths) แม้จะมีความเสี่ยงสูงในภารกิจอวกาศ แต่เชื่อว่าจะให้ผลตอบแทนสูงในราคาประหยัด คาดว่าจะปล่อยขึ้นสู่อวกาศในเดือน ธ.ค.2566 จากทวีปแอนตาร์กติกา.