ภาพมุมสูงโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไชยะบุรี.ปลายฤดูหนาวปีนี้ เทียบเชิญจาก บริษัทซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้ถือหุ้นใหญ่ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไชยะบุรี ชวนให้ไปดูความก้าวหน้าของการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 1,285 เมกะวัตต์ ที่แขวงไชยะบุรี สปป.ลาว เป็นอีกทริปที่ไม่ควรปฏิเสธเหตุผลหลายประการของการเดินทางครั้งนี้ นอกจากไปดูความสามารถของบริษัทสัญชาติไทยที่กล้าลงทุนในโครงการขนาดยักษ์ที่มีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 135,000 ล้านแล้ว ยังทำให้ได้เรียนรู้วิธีคิด และการผสานเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในโครงการที่เคยมีการต่อต้านจากฝ่ายเอ็นจีโอมาอย่างโชกโชน ป้ายเข้าเขตเมืองไชยะบุรี.แขวงไซยะบุรี หรือไชยะบุรี จริงๆแล้วไม่ได้อยู่ไกลจากประเทศไทยมากนัก มีชายแดนติดกับ 3จังหวัดทางภาคเหนือของไทย นั่นก็คือ น่าน อุตรดิตถ์ และเลยแต่ด้วยข้อจำกัดของถนนหนทาง การเดินทางไปชมโรงไฟฟ้าคราวนี้ เราจึงเลือกบินตรงเข้าสู่หลวงพระบาง เมืองมรดกโลก ก่อนจะนั่งรถต่อไปยังโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ห่างออกไปทางใต้ราว 80 กิโลเมตร แต่ต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่า 2 ชั่วโมง ทั้งด้วยถนนหนทางที่ยังไม่เจริญมากนัก และภูมิประเทศที่ต้องเลี้ยวโค้งตัดเขาขึ้นไปตลอดเส้นทางทริปนี้ เราได้รับเกียรติจาก คุณปอง-ธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ในเครือ ช.การช่าง มาให้การต้อนรับและดูแลคณะตลอดทริปด้วยตัวเอง ช่องทางสำหรับเรือโดยสารและเรือสินค้า.ทันทีที่รถตู้แล่นเข้าสู่เขตโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไชยะบุรี ทุกคนตื่นตาตื่นใจกับโรงไฟฟ้าขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่กลางแม่น้ำโขง ที่มีจุดเด่นกว่าโรงไฟฟ้าทั่วไปตรงที่เป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีแบบ Run of River คือ น้ำสามารถไหลผ่านได้ตามธรรมชาติ ไม่มีการกักเก็บน้ำ หรือเบี่ยงน้ำออกจากแม่น้ำโขง อธิบายอย่างง่ายๆก็คือ ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเข้าในโครงการจะเป็นไปตามปริมาณน้ำที่มีตามธรรมชาติตัดความกังวลที่ว่า การสร้างโรงไฟฟ้าแห่งนี้ จะเปลี่ยนแปลงธรรมชาติของแม่น้ำโขง และอาจส่งผลกระทบต่อการคมนาคมขนส่งของประเทศในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งจะว่าไปก็ส่งผลกระทบจริงๆ แต่เป็นผลกระทบในทางที่ดี โดยเฉพาะในฤดูแล้งที่ระดับน้ำในแม่น้ำจะต่ำและมีเกาะแก่งจำนวนมาก ทำให้เรือขนาดใหญ่ผ่านได้ลำบาก แต่ปรากฏว่าพอมีโรงไฟฟ้าพลังน้ำไชยะบุรี ที่ออกแบบก่อสร้างเส้นทางเดินเรือด้วยวิศวกรรมชั้นนำ ทำให้เรือสามารถแล่นผ่านบริเวณนี้ได้ตลอดทั้งปี ภาพหมู่บ้านริมแม่น้ำโขง ก่อนสร้างโรงไฟฟ้า.อานุภาพ วงศ์ละคร รองกรรมการผู้จัดการบริษัทไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด บอกว่า เราได้ออกแบบช่องทางเดินเรือขนาดความกว้าง 12 เมตร ความยาว 700 เมตร ซึ่งสามารถรองรับเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ได้ถึง 500 ตัน ทุกวันนี้ ขนาดยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ก็มีเรือท่องเที่ยวพานักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่เป็นชาติตะวันตก ล่องเรือเที่ยวในแม่น้ำโขงผ่านโครงการโรงไฟฟ้าไชยะบุรีขึ้นไปหลวงพระบาง เฉลี่ยอย่างน้อยก็วันละเที่ยวสองเที่ยว เท่าที่เห็น ถือเป็นการเพิ่มความสะดวกของการเดินทาง การขนส่งทางน้ำในแม่น้ำโขงได้มากขึ้น เป็นการพัฒนาชุมชนบนลุ่มน้ำโขงอย่างต่อเนื่องแต่ที่พวกเราชาวคณะสำนักข่าวหัวเขียวตื่นเต้น เห็นจะเป็น Fish Ladder ที่ยังหาคำไทยแปลตรงๆไม่ได้ จะเรียกว่า บันไดปลาโจน ก็ดูจะคล้ายๆ แต่น่าจะเป็นบันไดปลาโจนไฮเทค...เพราะมีการ ออกแบบและวางแผนสำหรับการเดินทางและการอยู่อาศัยของปลาในแม่น้ำโขงอย่างเป็นระบบ วิถีชุมชนดั้งเดิม.พี่อานุภาพ บอกว่า เพราะปลาเป็นทรัพยากรที่สำคัญของลุ่มน้ำโขง ในการสร้างโรงไฟฟ้าของเราจึงต้องออกแบบระบบทางปลาผ่าน หรือ Fish Passage อย่างรอบคอบซึ่งจากที่ตาเราเห็น ทางปลาผ่าน ที่ว่านี้ ก็น่าจะใช้เงินลงทุนมหาศาล เป็นหลักหลายร้อยล้านอยู่...เพื่อให้ปลาส่วนใหญ่สามารถอพยพผ่านโครงการได้ทุกฤดูกาล ทั้งปลาอพยพทวนน้ำและตามน้ำทางปลาผ่าน ที่ว่านี้ มีความยาวประมาณ 500 เมตร หรือครึ่งกิโลเมตร มีทั้งทางปลาผ่านหลัก แอ่งพักน้ำที่เกาะกลาง และทางปลาเข้าถึง 18 ช่อง รวมทั้งช่องทางรวมปลา ที่เรียกว่า Fish Collecting Gallery ซึ่งตรงนี้วิศวกรให้ความสำคัญในการออกแบบอุโมงค์และประตูควบคุมความเร็วของกระแสน้ำเพื่อล่อปลา ปรับความลาดชันให้ปลาสามารถว่ายขึ้นเหนือน้ำได้ง่ายขึ้นส่วนปลาที่อพยพตามน้ำ ก็ใช้ระบบน้ำไหลผ่าน โดยมีช่องทางปลาเข้าด้านเหนือโรงไฟฟ้าถึง 23 ช่องทาง มีแอ่งพักปลา และเครื่องสูบน้ำขนาด 40 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ที่เมื่อปลาสะสมในปริมาณที่มากพอก็จะถูกปล่อยลงสู่ล่องทางน้ำที่มีความลาดชันลดลง ทำให้ปลาได้รับความบอบช้ำน้อยที่สุด โดยเฉพาะกังหันผลิตไฟฟ้าของโครงการ ใช้กังหันชนิดแกนตั้ง Kaplan ที่เป็นมิตรกับปลา ใบพัดเป็นแนวระนาบปกติมี 6 ใบ แต่มีการปรับลดเหลือ 5 ใบ เพื่อความมั่นใจว่าปลาจะมีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้น ภาพถ่ายจากด้านบนโครงการโรงไฟฟ้า.นี่แค่เรื่องปลายังน่าสนใจขนาดนี้...ไม่ต้องคิดถึงว่าอีกแค่ปีกว่าๆ โรงไฟฟ้าแห่งนี้จะสามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าขายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ โดยผ่านเข้าทาง อ.ท่าลี่ จ.เลย รองรับความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าทางภาคอีสานของประเทศไทยขากลับจากไชยะบุรี คุณปอง-ธนวัฒน์ พาเราแวะเยี่ยมชุมชนหมู่บ้านโยกย้ายจัดสรร “ทุ่งเจริญ” ซึ่งเป็นการรวมชาวบ้านจาก 3 หมู่บ้าน คือ บ้านพอนสะหวัน บ้านปากล้าน และบ้านปากม่อน จำนวน 170 ครัวเรือน ส่วนใหญ่เป็น ลาวลุ่ม ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการโรงไฟฟ้า มาตั้งเป็นชุมชนหมู่บ้านแห่งใหม่ ซึ่งถามทุกคนที่มาต้อนรับ ล้วนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า...อยู่สุขสบายดี...ตะวันชิงพลบ...ท้องฟ้ามืดลงเรื่อยๆ ขบวนรถตู้ของนักข่าวไทยวิ่งเข้าสู่หลวงพระบาง...ก่อนจะกลับสู่ที่พัก หลับฝันดีในเมืองมรดกโลก....!!!