วันนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก OpenAI ผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่อยู่เบื้องหลัง ChatGPT ซึ่งเปลี่ยนวิธีที่โลกโต้ตอบกับเทคโนโลยีไปอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่กำลังทุ่มเงินกว่า 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 2.18 แสนล้านบาท เข้าซื้อกิจการ io บริษัทสตาร์ตอัพด้านฮาร์ดแวร์มีคำถามเกิดขึ้นมามากมายว่าทำไมต้องทุ่มงบสูงขนาดนี้กับบริษัทที่มีพนักงานเพียง 55 คนเท่านั้น และสตาร์ตอัพที่ออกแบบอุปกรณ์ต่างๆจะสามารถสร้างสรรค์อุปกรณ์สำหรับ AI ออกมาเป็นอย่างไรและจะมีประสิทธิภาพที่จะเปลี่ยนแปลงโลกแห่งอนาคตได้อย่างไร สื่อ The Wall Street Jour nal รายงานว่า นับเป็นการซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ OpenAI โดยเริ่มซื้อหุ้นมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนมาถึงซื้อหุ้นทั้งหมดบริษัท io ถูกก่อตั้งโดย โจนี่ ไอฟ์ (Jony Ive) เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา โดยทีมงานของ io ประกอบด้วยวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักฟิสิกส์ และผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอดีตพนักงานของ “แอปเปิล” ที่เคยร่วมงานกับไอฟ์มาก่อน เป็นทีมที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนดีไซน์ของโลกไอทีมาหลายสิบปีชื่อของ ไอฟ์ เป็นที่จดจำจากการเป็นผู้ออกแบบ iPhone และผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลที่พลิกโฉมวงการมาจำนวนมากไม่ว่าจะเป็น iMac, MacBook, iPad, iPod, Apple Watch และ AirPods เขาเป็นผู้สร้างสรรค์ดีไซน์ที่เน้นความเรียบง่าย ใช้งานง่าย และสวยงาม ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Apple เป็นที่ต้องการและเปลี่ยนแปลงวงการเทคโนโลยีอย่างลึกซึ้งเขาลาออกจากแอปเปิลในปี 2562 ที่ผ่านมาและก่อตั้งบริษัทออกแบบของตัวเองชื่อ LoveFrom โดยยังคงทำงานร่วมกับแอปเปิลในฐานะลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทใหม่ในช่วงแรก ก่อนที่จะก่อตั้งสตาร์ตอัพ ioดีลของสองบริษัทนี้ไม่ใช่การซื้อบริษัทแต่มากกว่านั้นคือการซื้อมุมมองใหม่ต่อโลกของ AI ของ แซม อัลท์แมน (Sam Altman) ซีอีโอของ OpenAI เชื่อว่า “อินเทอร์เฟซของ AI ยังไม่ถูกออกแบบมาอย่างที่ควร” และถูกคาดหมายว่าอุปกรณ์ใหม่นี้จะถูกแนะนำออกสู่ตลาดในปีหน้า คีย์เวิร์ดสำคัญของโครงการนี้คือคำว่า Beyond Screens จะเป็นการสร้างอุปกรณ์ที่ผู้ใช้ไม่ต้องจ้องหน้าจอ ไม่ต้องพิมพ์คำสั่ง แต่สามารถคุยกับ AI ได้เหมือนเป็นผู้ช่วยที่อยู่ข้างตัวตลอดเวลาน่าสนใจหากเราสามารถสื่อสารกับ AI ได้ผ่านอุปกรณ์เล็กๆ คล้ายหูฟังหรือคล้องคอได้ ไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟน ไม่ต้องแตะหน้าจอ นี่แหละคือสิ่งที่ “ไอฟ์” กำลังจะออกแบบ ซึ่งตีความกันว่าอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของคอมพิวเตอร์ในยุคต่อไปไม่ใช่เพียงแค่ผู้ช่วยอัจฉริยะ (Smart Assistant) แต่เป็นเหมือนมันสมองภายนอก ที่สามารถช่วยคิด แนะนำ จดจำ และจัดการสิ่งต่างๆแทนเราได้โดยไม่ต้องเปิดแอปเหตุผลหลักที่ อัลท์แมน ดึง ไอฟ์ มาร่วมทีมไม่ใช่เพราะฝีมือที่เขานำทีมออกแบบที่สวยงามเท่านั้น แต่เพราะเขาเข้าใจวิธีที่มนุษย์เราใช้เทคโนโลยีได้อย่างลึกซึ้ง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับ AI ได้อย่างเป็นธรรมชาติและไร้รอยต่อ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาหน้าจอหรืออินเทอร์เฟซแบบเดิมๆอีกต่อไปพร้อมกับเผยถึงความตื่นเต้นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับไอฟ์ ที่เขายกย่องว่าเป็นนักออกแบบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยทั้งสองได้ทำงานร่วมกันอย่างเงียบๆมาแล้วกว่า 2 ปี และยอมรับว่าสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อปไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับการใช้ AI จึงต้องการอุปกรณ์ที่เข้ากับพฤติกรรมผู้ใช้มากกว่าเดิมขณะที่ไอฟ์เชื่อว่าประสบการณ์กว่า 30 ปีในสายงานออกแบบ ไม่เพียงหล่อหลอมทักษะและมุมมอง แต่ยังนำเขามาสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ การร่วมภารกิจใหม่กับ OpenAI เพื่อสร้างนวัตกรรมฮาร์ดแวร์ AI สำหรับผู้บริโภคในรูปแบบ ที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อนนี่ไม่ใช่แค่การกลับสู่วงการเทคโนโลยีผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสครั้งสำคัญในการนิยามใหม่ว่าคอมพิวเตอร์ควรมีหน้าตาและบทบาทอย่างไร นับว่าสอดคล้องกับเป้าหมายของ OpenAI ในการพัฒนา AI อเนกประสงค์ที่เข้าใจมนุษย์และเปลี่ยนวิธีที่โลกสื่อสารกับเทคโนโลยีไปโดยสิ้นเชิง.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทความไซเบอร์เน็ต” เพิ่มเติม