สำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) เผยข้อมูลนักลงทุนภายใต้นามแฝง “เบอร์นาร์ด” จากเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ผู้ซึ่งเป็นเหยื่อรายล่าสุดที่ต้องสูญเงินออมทั้งชีวิตจำนวน 28,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 924,000 บาท) จากการลงทุนในเหรียญโทเคนสควิด (Squid) สกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซีซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากซีรีส์เกาหลียอดนิยม “Squid Game”“Squid” เหรียญคริปโตเคอร์เรนซีที่เปิดให้ซื้อขายเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ได้รับความนิยมล้อไปกับความแรงของซีรีส์ที่ออกอากาศบนแพลตฟอร์มของเน็ตฟลิกซ์ โดยราคาไต่ขึ้นสูงสุด 2,400% หรือที่ 2,861 เหรียญ (ข้อมูลจาก CoinMarketCap) เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2564 ก่อนร่วงลงมามูลค่าลดเหลือ 0 ภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลังนักลงทุนไม่สามารถซื้อ-ขายโทเคนได้ เนื่องด้วยผู้สร้างเหรียญได้ปิดกั้นการใช้งานและเชิดเงินหนีไปทั้งหมด โดยจากการตรวจสอบของ BscScan พบความเสียหายที่เกิดกับนักลงทุนมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 3.4 ล้านเหรียญ (ประมาณ 112 ล้านบาท)หนึ่งในผู้เสียหาย “เบอร์นาร์ด” เปิดเผยกับซีเอ็นบีซีว่า เขาเห็นข่าวจากสื่อเกี่ยวกับโทเคนที่ใช้ชื่อว่า “Squid” และเชื่อมั่นว่าจะเป็นเงินสกุลดิจิทัลที่ได้รับความนิยมเช่นเดียวกับตัวซีรีส์ จึงตัดสินใจนำเงินออมทั้งหมดเข้าไปลงทุนเมื่อพบว่าถูกโกง เขามองว่าส่วนหนึ่งเป็นความรับผิดชอบของสื่อหลัก หากสื่อหลักไม่ลงข่าว เขาก็คงไม่หลงเชื่อเข้าไปซื้อ แม้ว่าในเนื้อข่าวจะมีข้อความตักเตือนถึงความเสี่ยงจากหลายชุมชนคริปโต แต่บางทีคนอ่านก็เลือกที่จะอ่านเพียงแค่พาดหัวที่น่าสนใจ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีสื่อกระแสหลักมากมาย เช่น บีบีซี, Fortune, Business Insider รวมทั้ง CNBC เอง ที่ลงข่าวราคาเหรียญ “Squid” พุ่งในเวลาเพียงไม่กี่วัน โดยจากนั้นไม่นาน เหรียญดังกล่าวก็ไม่สามารถซื้อขายได้“เบอร์นาร์ด” ซึ่งปฏิเสธจะให้ชื่อจริงแก่ซีเอ็นบีซีบอกว่า เขาเป็นนักลงทุนที่คร่ำหวอดในวงการนี้พอสมควร ไม่ใช่หน้าใหม่ แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับนักลงทุนคริปโตคือการกลัวตกขบวนหรือ FOMO (Fear Of Missing Out) กลัวจะตามคนอื่นไม่ทัน กลัวพลาดโอกาสรวย เป็นเหตุให้ตัดสินใจผลีผลาม ปราศจากการไตร่ตรองให้รอบคอบทั้งนี้ “เบอร์นาร์ด” ซึ่งเป็นนักลงทุนชาวจีน โอดครวญว่า ไม่สามารถเรียกหาความรับผิดชอบจากหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศจีนได้ เนื่องจากจีนไม่รับรองการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี เขาจึงได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานในสหรัฐอเมริกาแล้ว แต่คงไม่มีหวังจะได้เงินคืน เพราะหาคนรับผิดชอบไม่ได้.