สหรัฐอเมริกาผิดหวัง รัสเซีย ยังให้ท้ายรัฐบาลซีเรีย แถมตัดสาย “ฮอตไลน์” ระหว่างกันทิ้ง เตรียมลงอีกดาบ ยกระดับมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ด้านโฆษกประจำตัวผู้นำรัสเซีย ออกมาซัดกลับสหรัฐฯ ก้าวร้าว ล่วงละเมิดอธิปไตยซีเรีย ส่อทำสถานการณ์ยิ่งเลวร้าย ขณะที่รัฐบาลซีเรียโต้ข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ เรื่องใช้อาวุธเคมี ทั้งที่ไม่มีหลักฐานชัดเจนความคืบหน้ากรณีประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ปฏิบัติการช็อกโลกด้วยการสั่งกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยิงขีปนาวุธ “โทมาฮอว์ก” จำนวน 59 ลูก จากเรือพิฆาต 2 ลำ คือยูเอสเอส พอร์เตอร์ กับยูเอสเอส รอสส์ ซึ่งลอยลำอยู่ในพื้นที่ด้านตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ปฏิบัติการโจมตีซีเรียอย่างฉับพลันเมื่อเช้าตรู่วันศุกร์ที่ 7 เม.ย. ตามเวลาท้องถิ่นซีเรีย หรือช่วงสายวันเดียวกันตามเวลาประเทศไทย โดยสหรัฐฯ อ้างต้องสงสัยกองทัพรัฐบาลซีเรียสั่งใช้อาวุธเคมีกับกองกำลังฝ่ายกบฏใน ประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และการโจมตีซีเรียใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีถล่มเป้าหมายสนามบินเชย์รัต ใกล้เมืองฮอมส์ ทางภาคกลางของประเทศ ซึ่งเป็นสนามบินทหารสำคัญอันดับ 2 ของซีเรีย อานุภาพขีปนาวุธทำลายรันเวย์สนามบิน เครื่องบินรบ โรงเก็บเครื่องบิน คลังน้ำมัน คลังเก็บอาวุธยุทธภัณฑ์ เครื่องกระสุน บังเกอร์ ตลอดจนระบบเรดาร์และระบบป้องกันภัยทางอากาศเสียหายเกือบทั้งหมดต่อมาเมื่อวันเสาร์ 8 เม.ย. นายเรกซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงระบุรัฐบาลสหรัฐฯ ผิดหวังอย่างยิ่งต่อท่าทีของรัสเซียที่ต่อต้านการกระทำของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ หนำซ้ำยังเพิ่มการสนับสนุนรัฐบาลซีเรียและให้คำมั่นจะช่วยรัฐบาลซีเรียยกระดับศักยภาพระบบต่อต้านอากาศยานให้กับรัฐบาลซีเรีย เพื่อป้องกันการโจมตีของสหรัฐฯ นอกเหนือจากการตัดระบบการติดต่อสื่อสารสายด่วน หรือ “ฮอตไลน์” ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ ในภารกิจสื่อสารด้านการบินเหนือน่านฟ้าซีเรียส่วนนางนิกกี้ ฮาลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ กล่าวระหว่างการประชุมฉุกเฉินคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ระบุสหรัฐฯ โจมตีรัฐบาลซีเรียเพราะต้องการหยุดยั้งรัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมี ทั้งกล่าวโจมตีอิหร่านกับรัสเซีย ซึ่งยังสนับสนุนรัฐบาลซีเรีย เสมือนยอมรับการกระทำของรัฐบาลซีเรียฆาตกรรมประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยรัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมพร้อมดำเนินการกับซีเรียเพิ่มเติมอีก แต่หวังว่าคงไม่จำเป็นต้องดำเนินการแบบนั้น ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ จำเป็นต้องรักษาผลประโยชน์ด้านความมั่นคงและป้องกันการขยายวงในการใช้อาวุธเคมี ขณะที่นายสตีฟ นูชิน รมว.คลังของสหรัฐฯ ระบุรัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัฐบาลซีเรียอีกระดับก่อนหน้านี้ นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกประจำตัวประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียในฐานะชาติพันธมิตรซีเรีย แถลงประณามการโจมตีของสหรัฐฯ ต่อซีเรีย อ้างผิดกฎหมาย ก้าวร้าว ล่วงละเมิดอธิปไตยซีเรีย และจะส่งผลให้สถานการณ์ต่างๆ ในซีเรียยิ่งเลวร้ายลงอีก นอกเหนือจากกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย และรัสเซียได้เรียกร้องถึงคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติให้จัดประชุมฉุกเฉินเรื่องนี้ด้านรัฐบาลซีเรียแถลงยืนยันมีทหารซีเรียเสียชีวิตจากการโจมตีของสหรัฐฯ 6 นาย ทั้งยังมีพลเรือนและเด็กเสียชีวิตจากการโจมตีของสหรัฐฯ ด้วย นอกเหนือจากกล่าวหารัฐบาลวอชิงตันกำลังสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม หรือไอเอสในพื้นที่ให้ยิ่งกร้าวแกร่งมากขึ้น อีกทั้งชี้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ สงสัยว่ารัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีทั้งๆ ที่ยังไม่มีข้อมูลหลักฐานชี้ชัดว่าอะไรคือความจริงปฏิบัติการทางทหารของกองทัพสหรัฐฯ ครั้งนี้ ได้รับเสียงสนับสนุนจากหลายประเทศพันธมิตร รวมถึงอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิสราเอล ซาอุดีอาระเบีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และตุรกี นอกเหนือจากฝ่ายกบฏและฝ่ายค้านรัฐบาลซีเรียที่ต่างแสดงความยินดีและต้องการให้ปฏิบัติการโจมตีฝ่ายรัฐบาลซีเรียเกิดขึ้นต่อไปอีก ส่วนรัฐบาลจีนเรียกร้องถึงทุกฝ่ายที่ขัดแย้ง ให้เร่งหารือกันยับยั้งสถานการณ์มิให้เลวร้ายลงอีก ทั้งระบุรัฐบาลจีนคัดค้านการใช้อาวุธเคมีทุกกรณี ขณะที่ฝ่ายต่อต้านปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ครั้งนี้คือ รัสเซียกับอิหร่าน โดยรัฐบาลอิหร่านระบุการกระทำของสหรัฐฯ ต่อซีเรียเสมือนพฤติกรรมก่อการร้าย.