สหรัฐฯ ประกาศ U.S. National Security Strategy หรือยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของสหรัฐฯ ที่พูดถึงแต่ความอยู่รอดของสหรัฐฯ ดินแดน ประชาชน เศรษฐกิจ และวิถีชีวิต ให้ ‘ปลอดภัย’ จากการโจมตีของทหาร หรืออิทธิพลต่างชาตินอกจากนั้น สหรัฐฯไม่ได้ให้ความสำคัญภูมิภาคตะวันออกกลางเหมือนในอดีต ซึ่งสหรัฐฯมียุทธศาสตร์เข้าไปแทรกแซง สร้างระเบียบ ส่งเสริมประชาธิปไตยในภูมิภาคตะวันออกกลาง ทว่ายุทธศาสตร์ใหม่ของสหรัฐฯ คือการมีปฏิสัมพันธ์เชิงผลประโยชน์ที่สหรัฐฯ ใช้คำว่า pragmatic มากกว่าอุดมการณ์ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นประเทศหลักในภูมิภาคตะวันออกกลางนำเกมใหม่มาเล่น เป็นเกมที่เปลี่ยนทิศทางพลังงานโลกในทศวรรษหน้า ผมหมายถึงซาอุฯสร้างตลาดคาร์บอนที่สำคัญกว่าน้ำมันดิบ ซึ่งเคยเป็นหลักของพลังงานโลกมานานหลายสิบปีภูมิอากาศทำให้มหาอำนาจทั้งชาติตะวันตกและเอเชียมีเป้าหมาย Carbon Neutrality (ปล่อยคาร์บอนเท่าใด ก็ดูดกลับให้ได้เท่ากัน) เป้าหมายนี้ทำให้ซาอุฯรีบวางตัวเองเป็น Carbon-Trading Hub ศูนย์กลางการซื้อขายเครดิตคาร์บอนสำหรับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาซาอุฯมุ่งมาที่ประเทศกำลังพัฒนาเพราะประเทศพวกนี้มีศักยภาพลดการปล่อยคาร์บอน แต่ขาดตลาดที่โปร่งใส และไม่มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะนำมาใช้การบริหารจัดการเพื่อลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกได้จริงอาวุธที่ซาอุฯใช้ในการสร้างพลังต่อรองกับโลกสากลในอดีตคือน้ำมัน แต่เมื่อน้ำมันลดบทบาท ซาอุฯก็หันมาสร้างอาวุธใหม่ที่เรียกว่า Carbon–Trading Hub หรือศูนย์กลางการซื้อขายเครดิตคาร์บอน นอกจากจะได้เงินแล้ว ซาอุฯยังได้ภาพลักษณ์เฮลทีเอิร์ธ ซึ่งเป็นภาพลักษณ์พลังของโลกสีเขียว เป็นภาพลักษณ์ที่จะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากมนุษยชาติทั้งมวลเพราะเป็นภูมิภาคผู้ผลิต เอเชียจึงใช้พลังงานมากที่สุดในโลก การปล่อยคาร์บอนจำนวนมหาศาล ทำให้โลกบังคับเอเชียให้ลดการปล่อยคาร์บอนผู้อ่านท่านผู้เจริญ สมัยก่อนตอนโน้น มนุษย์เราแข่งขันกันเรื่องการมีน้ำมัน ทว่าในทศวรรษต่อไป ผู้อ่านท่านเชื่อผมเถิด มนุษย์เราจะแข่งขันกันด้วยพลังงานใหม่ (ที่ไม่ใช่น้ำมัน) ทั้งเรื่อง 1.มาตรฐานการลดคาร์บอน และ 2.ฐานข้อมูลสิ่งแวดล้อมผมไปซาอุฯครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 มีโอกาสเข้าฟังบรรยายสรุปของกระทรวงการลงทุน และได้ไปร่วม Riyadh Economic Forum (REF) ซึ่งเป็นเวทีระดับสูงที่รัฐบาลซาอุฯ ร่วมกับภาคเอกชนและนักลงทุนระดับโลกใช้หารือยุทธศาสตร์ 1.เศรษฐกิจระยะยาว 2.การลงทุน 3.พลังงาน 4.เทคโนโลยี และ 5.ภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิจตะวันออกกลาง หลังจากนั้น ผมก็มีโอกาสกล่าวปาฐกถาพิเศษในประเทศไทยร่วมกับผู้แทนสภาหอการค้าแห่งกรุงริยาดผมมั่นใจว่า ซาอุฯไม่เน้นเล่นเกมน้ำมันแล้ว แต่หันมาเล่นเกมคาร์บอนฮับแทน เกมนี้จะทำให้อุตสาหกรรมในประเทศที่อยู่ซีกโลกใต้มีโอกาสเข้าถึงรายได้ใหม่จากเครดิตคาร์บอน เชื่อไอ้เกิดเถิดครับ ต่อไปในอนาคตนักลงทุนสถาบันทั่วโลกจะวิ่งไปที่ซาอุฯ ในฐานะศูนย์กลางของสินทรัพย์คาร์บอนคุณภาพสูงซาอุฯจะเปลี่ยนจากผู้ขายน้ำมันไปเป็นสถาบันกำหนดกติกาพลังงานในยุคเขียว ทั้งจีน อินเดีย และอาเซียน จะแย่งกันวิ่งไปให้ถึงตลาดขนาดใหญ่ที่ซาอุฯเป็นผู้ควบคุม เพื่อลงทุนในเทคโนโลยีการลดคาร์บอนซาอุฯเป็นประเทศที่ไม่ได้มีการกระดิกพลิกตัวเห่อตามกระแสโลก แต่เป็นประเทศที่ก่อร่างสร้างตัวเองให้เป็นประเทศผู้นำทิศทางใหม่ของโลกอินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และไทย มีความเสี่ยงจากค่าเงินที่ผันผวนตามเงินทุนไหลออก ปัจจุบันต้นทุนการกู้ยืมของเราก็สูงขึ้น การส่งออกของเราก็ชะลอตัวตามเศรษฐกิจของสหรัฐฯและยุโรปเราจำเป็นต้องป้องกันความเสี่ยงด้วยการมีระบบเครดิตคาร์บอนที่โปร่งใส เราจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นประเทศที่ขายเครดิตให้จีน ยุโรป และซาอุฯ ถ้าเรามีระบบเครดิตคาร์บอนที่โปร่งใส ผมมั่นใจว่า การลงทุนด้านพลังงานสะอาดจะไหลเข้ามาประเทศมากขึ้น นักลงทุนทั่วโลกต่างต้องการลงทุนในสินทรัพย์เขียวอุตสาหกรรมที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับป่าไม้ เกษตร และพลังงานหมุนเวียนของไทย จะมีมูลค่าสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดโลดแล่นแม่นแท้ ประเทศไทยไชโยของเราจะพ้นภัยเศรษฐกิจอย่างแน่นอน.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม