สำนักบริหารงานวิจัยและนวัตกรรมพระจอมเกล้าลาดกระบัง เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย พูด “กระแสโลกและทิศทางการพัฒนาท้องถิ่นในยุคปัจจุบัน” รับใช้ผู้อบรมหลักสูตรประธานสภารุ่นที่ 2 ที่สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น 09.00-12.00 น. ศุกร์ 24 ตุลาคม 2025สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออีเป็นหนึ่งในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกอาหรับและภูมิภาคอ่าว มีทุนสำรองต่างประเทศและกองทุนความมั่งคั่งของรัฐขนาดใหญ่ที่มีทรัพย์สินมากถึง 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯยูเออีรวยจากการมีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ผู้บริหารยูเออีรู้ดีว่าในอนาคตน้ำมันและก๊าซจะหมดหรือจะลดความสำคัญ เพราะมนุษยชาติหันไปใช้พลังงานด้านอื่น จึงเร่งใช้เงินที่มีอยู่ในปัจจุบันพัฒนาให้ตนเองเด่นเป็นศูนย์กลางการค้า การเงิน การท่องเที่ยว และโลจิสติกส์ของภูมิภาคความมีเงินเยอะ ยูเออีจึงสอดส่ายสายตามองหาประเทศต่างๆ ว่าพอมีประเทศใดบ้างที่ตัวจะหอบเงินไปลงทุน สุดท้ายยูเออีก็มาลงทุนที่เวียดนาม เพราะเวียดนามมีการเมืองที่มั่นคง นโยบายชัดเจนและคงเส้นคงวา มีกระแสข่าวจากยูเออีว่าต้องไปลงทุนในประเทศนี้เพราะไม่มีความขัดแย้งภายในเศรษฐกิจเวียดนามโตโดยเฉลี่ยร้อยละ 6-8 ค่าแรงและต้นทุนการผลิตต่ำเมื่อเทียบกับจีนและประเทศพัฒนาแล้ว มีตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ที่มีคนกว่า 100 ล้านคน ที่น่าสนใจมากก็คือมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วของชนชั้นกลาง20 ปีที่ผ่านมา รัฐมนตรีของเวียดนามขยันบินไปเจรจาเพื่อทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศต่างๆ จึงทำให้บริษัทต่างประเทศที่มาลงทุนในเวียดนามสามารถส่งออกไปให้คู่ค้าด้วยภาษีที่ต่ำหรือบางกรณีภาษาเป็นศูนย์คนไทยที่ผมรู้จักหลายคนบอกว่าเคยไปเวียดนามเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ไปแล้วไม่อยากไปอีก เป็นประเทศที่โครงสร้างพื้นฐานไม่ดีขอเรียนว่านั่นเป็นเรื่องในอดีต 3 ทศวรรษที่ผ่านมา เวียดนามพัฒนาท่าเรือ สนามบิน ถนน และนิคมอุตสาหกรรม มีเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) หลายแห่งที่ให้สิทธิพิเศษแก่ชาวต่างชาติ เช่น เรื่องการยกเว้นภาษี 5-10 ปีนักลงทุนต่างชาติมองเวียดนามเด่นในด้านทรัพยากรมนุษย์ เวียดนามเป็นประเทศที่มีแรงงานหนุ่มสาวที่มีความรู้ความสามารถและกระหายใคร่เรียนเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นจำนวนมากยูเออีจึงเลือกขยายการลงทุนครั้งใหญ่ในเวียดนาม เพื่อใช้เป็นฐานในการสร้างเศรษฐกิจและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทของยูเออีกำลังจะไปสร้างศูนย์ข้อมูลปัญญาประดิษฐ์มูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือ 6.5 หมื่นล้านบาท ในนครโฮจิมินห์กว่าเรื่องนี้จะลงตัว รองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม 2 คนบินไปยูเออีหลายรอบ เพื่อไปอรรถาธิบายขยายความกับนักธุรกิจ ก่อนที่ยูเออีจะตัดสินใจ ความขยันของรัฐมนตรีเวียดนามชนะใจนักลงทุนจากหลายประเทศ อย่างกรณีของบริษัท G42 ของยูเออี รัฐมนตรีเวียดนามบินไปพูดให้ฟังเองว่า รัฐบาลสนับสนุนบริษัท G42 สร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อใช้ดำเนินงานในศูนย์การเงินระหว่างประเทศในเวียดนามเวียดนามกับเขมรมีพรมแดนติดกันยาวถึง 1,158 กิโลเมตร ในขณะที่เวียดนามพัฒนาประเทศด้วยการดึงดูดนักลงทุนระดับโลกที่มีศักยภาพเข้าไปลงทุนจริง และพัฒนาประเทศจริง ผลประโยชน์ตกอยู่กับทุกคนในประเทศเวียดนามแต่ผู้นำเขมรกลับทำตรงกันข้าม ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการลงทุนดอกครับ แค่บอกว่าจะไปเที่ยวเขมร คนทั่วไปก็แขยงแขงขน กลัวตาย กลัวว่าจะถูกลักพาตัว แม้แต่พลเมืองของประเทศที่มีบุญคุณกับเขมรอย่างเกาหลีใต้ ยังไปตกระกำลำบาก และเผชิญหายนะภัยจนถึงขั้นเสียชีวิตในแผ่นดินเขมรมาแล้วขณะที่รัฐมนตรีเวียดนามบินไปเจรจาเอฟทีเอและไปดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก โดยสร้างแรงจูงใจด้วยการให้สิทธิประโยชน์แก่นักลงทุน แต่รัฐมนตรีเขมรและบรรดาข้าราชการกลับสำรากประโยคต่างๆออกมาเพื่อขอเงินใต้โต๊ะ เขมรจึงถูกจัดให้อยู่อันดับท้ายของหลายดัชนีในเรื่องความโปร่งใสไม่น่าเชื่อครับว่าประเทศที่มีพรมแดนประเทศประชิดติดกันจะมีความแตกต่างกันอย่างฟ้ากับเหว.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com คลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม