ปฏิเสธไม่ได้ว่า “มิวสิก เฟสติวัล” หรือ “เทศกาลดนตรี” กลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ในปัจจุบันอย่างแท้จริง รวมทั้งเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม เชื่อมโยงสังคมมองว่าเป็นแค่ดนตรีปัจจุบันมีการจัดเทศกาลดนตรีในกรุงเทพฯมากมายหลากหลายงาน รวมทั้ง “ซัมเมอร์ โซนิค” เทศกาลดนตรีระดับโลกจากญี่ปุ่น ที่ขยับขยายสยายปีกสู่ประเทศไทยเป็นปีที่ 2 ในชื่อ “ซัมเมอร์ โซนิค แบงค็อก 2025”งานนี้ทีมข่าว นสพ.ไทยรัฐมีโอกาสพิเศษได้พูดคุยกับนาโอกิ ชิมิซุ ผู้ก่อตั้ง “ซัมเมอร์ โซนิค” เฟสติวัล เทศกาลดนตรีระดับโลกจากญี่ปุ่น ในโอกาสเดินทางมาประเทศไทยเพื่อเตรียมความพร้อมการจัดงาน “Summer Sonic Bangkok 2025” ที่กรุงเทพฯ ด้วยการขอให้ช่วยเลือกคำ 3 คำ แสดงถึงคาแรกเตอร์สำคัญเด่นชัดของเทศกาลดนตรีนี้ ให้ผู้ที่ยังไม่เคยได้สัมผัสสามารถเข้าใจเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น เรียกเสียงหัวเราะดัง บอกว่ายังไม่เคยมีใครถามคำถามนี้มาก่อน จนกระทั่งได้คำตอบเป็นคำญี่ปุ่นว่า โยกะคึ หรือ “เพลงต่างชาติ” “ร็อก” และ “มิวสิก เฟสติวัล” ตรงๆตัวชิมิซุเล่าถึงจุดเริ่มต้นของความสำเร็จบนเส้นทางของเทศกาลดนตรียาวนาน 24 ปี ทั้งหมดทั้งมวลล้วนมาจากความใฝ่ฝันและความชื่นชอบส่วนตัว หลังมีโอกาสได้ไปตะลุยเทศกาลเพลงร็อกต่างแดน ทั้งในยุโรป และสหรัฐฯ ตั้งแต่ช่วงยุค 90’s ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เพลงสากลเฟื่องฟูขีดสุด บรรยากาศและความมันของการแสดงสดของศิลปินดังในเวลานั้นกระตุ้นความฮึกเหิมให้เกิดความต้องการอยากจัดงานแบบนี้ให้เพื่อนๆชาวญี่ปุ่นที่รักเสียงดนตรีได้สัมผัสประสบการณ์แบบนี้บ้างได้ไอเดียมาจากเทศกาลเรดดิง เฟสติวัล (Reading Festival) ที่เมืองเรดดิง ประเทศอังกฤษ ซึ่งชิมิซุเล่าว่าประทับใจเอนจอยกับการแสดงของศิลปินต่างๆที่งานนี้อย่างมาก ถือเป็นโลกแห่งความฝันที่ได้สัมผัสในชีวิตจริง ที่สำคัญยังเดินทางจากกรุงลอนดอนได้อย่างสะดวกสบายไม่ยุ่งยาก เดินทางโดยรถไฟไม่ถึง 30 นาที และยังใช้งบไม่สูงมาก จึงถอดสูตรความสำเร็จออกมาเป็นคอนเซปต์ในการจัดงานซัมเมอร์ โซนิค ที่กรุงโตเกียว และนครโอซากาแน่นอนว่าการลุกขึ้นมาจัดงานใหญ่เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2543 มีความท้าทายสารพัด การขนย้ายศิลปินข้ามเมืองจะทำได้สำเร็จเรียบร้อยหรือไม่ รวมทั้งยังมีเพียงแค่ 2 เวทีการแสดง และมีไลน์อัป หรือศิลปินเข้าร่วมการแสดงไม่ถึง 20 วง รู้สึกกลุ้มใจ กลัวทำไม่สำเร็จ แต่เมื่อได้มองย้อนกลับไปที่เทศกาลดนตรีเรดดิง ก็เกิดกำลังใจ สามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนงานออกมาประสบความสำเร็จอย่างดี สร้างชื่อมาจนถึงปัจจุบันปัจจุบันซัมเมอร์ โซนิค เติบโตขึ้น มีเวทีหลักๆ 4 เวที รวมทั้งมีศิลปินเพิ่มมาเป็น 40-50 วง แต่ก็ยังต้องปวดหัวเรื่องการเดินทางข้ามเมืองเช่นเดิม ทั้งอากาศร้อนจัด แปรปรวน พายุเข้าหรือเปล่า หากฝนตกหนักก็อาจทำให้การเดินทางต้องหยุดชะงัก ต้องแก้ไขปัญหาทีละขั้นจนกว่าจะจบส่วนการเลือกไลน์อัป หรือศิลปิน ต้องจัดวางให้สมดุลโดยให้ความสำคัญกับความ ต้องการของคนดูเป็นหลัก โดยใส่ความชอบส่วนตัวเข้าไปบ้างให้กลมกล่อม โดยในช่วงแรกๆของการจัดซัมเมอร์ โซนิค จะวางตัวศิลปินจากฝั่งตะวันตก 70-80% ตามความนิยมในยุคนั้น ส่วนยุคนี้สัดส่วนของศิลปินฝั่งตะวันตกลดลงค่อนข้างมาก อย่างซัมเมอร์ โซนิค ในโตเกียวมีเวทีหลัก 3 เวที ใช้ชื่อว่า มารีน, เมาเทน และโซนิค จัดวางศิลปินขึ้นโชว์เป็นศิลปินที่ใช้ภาษาอังกฤษ 50% ที่เหลือเป็นวงจากญี่ปุ่น และวงจากเอเชีย รวมๆกันส่วนมุมมองเรื่องอุตสาหกรรมดนตรีญี่ปุ่น ชิมิซุมองว่าปัจจุบันนี้มีศิลปินญี่ปุ่นออกทัวร์คอนเสิร์ตต่างประเทศมากขึ้นตามลำดับ ยังประสบความสำเร็จสามารถขายตั๋วคอนเสิร์ตขนาดสนามกีฬา (สเตเดียมทัวร์) ให้หมดเกลี้ยง ส่วนดนตรีเค-ป๊อป จากเกาหลีใต้ยังคงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตาม ชิมิซุ ไม่ได้มองว่าเทคโนโลยีอย่างเอไอ หรือปัญญาประดิษฐ์ จะมา “ดิสรัป” หรือเป็น “ภัยคุกคาม” อุตสาหกรรมดนตรี หรือโชว์บิซ เพราะสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับผู้ฟังเพลงจะเป็นผู้ตัดสิน แต่ในมุมมองของผู้จัดเทศกาลดนตรีมองว่าแม้เอไอ อาจช่วยเคาะรายชื่อศิลปินตามโจทย์ได้ แต่อย่างไรก็ยังคงไม่สามารถเจรจาต่อรองจัดแจงและจบงานได้อย่าง “มนุษย์” อยู่ดีตลอด 24 ปีที่ผ่านมาของการจัดซัมเมอร์ โซนิคในญี่ปุ่น ภูมิใจมากที่สามารถนำวง เรดิโอเฮด (Radiohead) จากอังกฤษ และ ไนน์อินช์เนลส์ (Nine Inch Nails) วงอินดัสเทรียลร็อกจากสหรัฐฯ มาแสดงได้แล้วทั้ง 2 วงนี้ยังจัดเต็มสุดๆ รวมทั้งการนำแบล็กอายด์พีส์ (Black Eyed Peas) วงดนตรีฮิปฮอปจากสหรัฐฯ มาแสดงทั้งที่ไม่ใช่วงร็อก แต่กลับได้ผลตอบรับดีเยี่ยม จนมั่นใจว่าไม่จำเป็นต้องเลือกแค่วงร็อก แต่สามารถเลือกดนตรีให้หลากหลายแนวได้ ทำให้ได้ศิลปินใหญ่อย่างบียอนเซ ริอานนา และเจย์ซี มาร่วมเขย่าความมันบนเวทีซัมเมอร์ โซนิค ในญี่ปุ่นเมื่อถามต่อว่ามีศิลปินรายไหนที่อยากได้แต่ไม่สำเร็จบ้างไหม ชิมิซุตอบอย่างไม่รีรอเลยว่า “เดวิด โบวี” และ “พรินซ์” พร้อมเล่ายาวว่าเสียดายที่เคยติดต่อทั้งคู่เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่แต่ทำไม่สำเร็จ หวังว่าเมื่อเทคโนโลยีโฮโลแกรมก้าวล้ำหน้ามากขึ้นก็อาจช่วยทำให้ความฝันได้เห็นศิลปินทั้ง 2 รายนี้บนเวทีอีกครั้งเป็นความจริงก็ได้ก่อนร่ำลา ชิมิซุเล่าว่าก่อนจัดงานซัมเมอร์ โซนิค ที่กรุงเทพฯ ทีมงานใช้เวลาพูดคุย ทำวิจัยอยู่นาน 2-3 ปี เพื่อให้เข้าใจความต้องการและรสนิยมคนไทยให้ครบถ้วนทุกมิติ พร้อมปิดท้ายว่าซัมเมอร์ โซนิคที่กรุงเทพฯ เปิดโอกาสให้เรียนรู้เกี่ยวกับศิลปินไทยอย่างมาก ในทางกลับกันก็เปิดประตูให้ศิลปินญี่ปุ่นได้มาแสดงให้ชาวไทยได้ชมกัน อย่างวง “สโนว์แมน” (Snowman) บอยแบนด์สัญชาติญี่ปุ่นระดับปิดสเตเดียมโชว์มาแล้ว อยากให้ไปลองสัมผัส Summer Sonic Bangkok 2025 ที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 วันที่ 23-24 ส.ค.นี้นะครับ.อมรดา พงศ์อุทัยคลิกอ่านคอลัมน์ “7 วันรอบโลก” เพิ่มเติม