หลังจากผ่านพ้นการประกาศของศาลรัฐธรรมนูญ รับรองการถอดถอน “ยุน ซอกยอล” ให้ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 4 เม.ย. จากการใช้กฎอัยการศึกจนสร้างความปั่นป่วนในประเทศไม่นานนัก “ฮัน ด็อกซู” รักษาการประธานาธิบดี ก็เคาะวันเลือกตั้งผู้นำใหม่ โดยมีกำหนดจัดขึ้นวันที่ 3 มิ.ย.สื่อหลายสำนักยังรายงานว่า ใครจะเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนที่ 21 ที่น่าจับตามองบ้าง โดยหนึ่งในนั้นมี “อี แจมยอง” วัย 61 ปี จาก “พรรคประชาธิปไตย” (Democratic Party) ดีกรีอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดคยองกี และอดีตนายกเทศมนตรีเมืองซองนัม จังหวัดคยองกี ที่ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนนำลิ่ว เรียกได้ว่าเป็นตัวเต็งผู้นำคนใหม่ ซึ่งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา ชายผู้นี้พ่ายแพ้ให้กับยุน ซอกยอล จาก “พรรคพลังประชาชน” (People Power Party) ไปเพียง 0.73% เท่านั้นอย่างไรก็ตาม อี แจมยองยังคงมีอุปสรรคในเรื่องของคดีความการทุจริตอยู่ แม้ยังไม่ประกาศชัดเจนว่าจะร่วมแข่งขันเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งหรือไม่ แต่เมื่อวันที่ 9 เม.ย. อี แจมยองได้ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยแล้ว รวมถึงระบุเพียงว่า จะเริ่มทำงานใหม่ในอีกไม่ช้า โดยไม่ได้ระบุอะไรเพิ่มเติมขณะที่ผู้ท้าชิงคนถัดมาคือ “คิม มุนซู” วัย 73 ปี อดีต รมว.แรงงาน และอดีตนักเคลื่อนไหวด้านแรงงาน ที่เพิ่งประกาศลงแข่งเป็นตัวแทนพรรคพลังประชาชน เพื่อไปชิงชัยตำแหน่งผู้นำคนใหม่ โดยยังเป็นบุคคลที่ผู้สนับสนุนยุน ซอกยอลไว้วางใจมากสุดให้เป็นตัวแทนพรรค ซึ่งคิม มุนซูก็มั่นใจว่า ตัวเองคือคนที่สามารถเอาชนะอี แจมยองได้ รวมถึงต้องการฟื้นฟูพรรคให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งนอกจากนี้ “ฮัน ดงฮุน” วัย 51 ปี อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ฝ่ายอนุรักษนิยมอีกคนที่ได้รับความสนใจอยู่ไม่น้อย โดยชายคนนี้ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้นำพรรค เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการใช้กฎอัยการศึก รวมถึงเรียกร้องให้ยุน ซอกยอลลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีในขณะนั้น ทั้งนี้ ฮัน ดงฮุน ยังเป็นที่นิยมในกลุ่มอนุรักษนิยมสายกลาง แต่ก็ยังเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีว่า ทรยศพรรคตัวเอง และปล่อยให้รัฐสภาลงมติถอดถอนยุน ซอกยอลเมื่อปีที่แล้ว.ญาทิตา เอราวรรณคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม