ที่ผ่านมามักมีการกล่าวหาเป็นระยะๆ ว่าสหรัฐฯมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง “รัฐบาล” ในประเทศต่างๆ ด้วยการสนับสนุนให้เกิดการขบวนการเคลื่อนไหวลุกฮือชุมนุมประท้วงประเด็นนี้ได้ถูกจุดขึ้นมาอีกครั้งจากกรณี “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สั่งชำแหละองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) เพื่อสกัดกั้นการใช้งบประมาณอย่างไม่จำเป็น และทำให้มีข้อมูลถูกเผยแพร่ออกมาว่า งบเลอะเทอะบางส่วนที่ถูกส่งไปยังประเทศต่างๆ ไม่ได้มีเพียงงบผลักดันแนวคิด LGBT เท่านั้น แต่ยังมีงบที่ก่อให้เกิดความสงสัยว่า ใช่งบอย่างว่าที่กล่าวมาขั้นต้นหรือไม่โดยสื่อท้องถิ่นในเอเชียใต้รายงานว่า ไม่นานมานี้ทีมข่าวได้มีโอกาสเข้าถึงเอกสารที่เกี่ยวข้อง และพบว่าองค์การยูเอสเอดได้จัดสรรงบให้ “องค์กรอิสระ” ที่มีชื่อว่า สมาคมเพื่อการเลือกตั้งและสร้างความเข้มแข็งแก่กระบวนการทางการเมือง (CEPPS) เพื่อนำไปใช้จ่ายในชาติต่างๆเป็นจำนวน 486 ล้านดอลลาร์ในจำนวนดังกล่าวมีการแบ่งปัน 21 ล้านดอลลาร์ไปยังอินเดีย เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนออกมาเลือกตั้ง แต่สื่อท้องถิ่นกลับพบว่าเป็นงบที่เขียนว่าใช้ในอินเดีย แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นงบที่ถูกจัดสรรให้แก่ “บังกลาเทศ” ซึ่งยังไม่รวมกับงบอีกก้อน 13.4 ล้านดอลลาร์ ที่ถูกอัดฉีดเข้าไปในบังกลาเทศตั้งแต่ปี 2565 เพื่อ “กระตุ้นให้ภาคพลเรือนมีส่วนร่วมทางการเมือง”งบที่เชื่อว่าใช้ในบังกลาเทศยังถูกซอยย่อยเป็น 6 ก้อน ใช้จ่ายระหว่างเดือน ก.ค.2565 ถึงเดือน ต.ค.2567 โดยทั้งหมดถูกส่งไปยังสมาชิกของสมาคม CEPPS คือมูลนิธิเพื่อการเลือกตั้ง (IFES) สถาบันประชาธิปไตยแห่งชาติ (NDI) และสถาบันรีพับลิกันนานาชาติ (IRI) ซึ่งสถาบันหลังสุดนี้ เป็นหน่วยงานฝึกอบรม “เยาวชนคนรุ่นใหม่” และมุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายเพื่อการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลแม้ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า กลุ่มนักศึกษาบังกลาเทศที่ออกมาเคลื่อนไหวหลังการเลือกตั้งบังกลาเทศเดือน ม.ค.2567 จนสามารถโค่นล้มรัฐบาลนายกรัฐมนตรี “ชีค ฮาสินา” ได้สำเร็จในเดือน ส.ค.2567 เป็นกลุ่มที่ได้รับการฝึกฝนมาหรือไม่ แต่เมื่อต้นเดือน ก.พ.นี้ ไมค์ เบนซ์ อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับทัคเกอร์ คาร์ลสัน กล่าวหาว่า องค์การยูเอสเอดเป็นผู้ให้เงินทุนสนับสนุนการเปลี่ยนรัฐบาลบังกลาเทศ เนื่องจากรัฐบาลฮาสินาต่อต้านการที่สหรัฐฯจะเข้ามาจัดตั้งฐานทัพตุ๊ ปากเกร็ดคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม