สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศ ไทย จัดพิธีรำลึกถึงทหารหาญผู้สละชีวิต และ “เหยื่อ” ของการก่อการร้ายในวัน “ยม ฮาซิคารอน” ตามที่ได้จัดเป็นประจำทุกปี เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาในโอกาสนี้ทางสถานทูตฯ ได้เชิญ “นางนริสรา มาลี” ภรรยาม่ายของ “นายเทียนชัย ยอดทองดี” แรงงานชาวไทยภาคการเกษตรที่ คิบบุตซ์อลูมิม ใกล้ชายแดนฉนวนกาซา ผู้เป็นหนึ่งในแรงงานไทย 39 ชีวิต ที่ถูกสังหารโหดในการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายฮามาส เมื่อ 7 ต.ค. 2566 มาร่วมพูดคุยแบ่งปันเรื่องราวชีวิตและผลกระทบจากการสูญเสียสามี และเสาหลักของครอบครัว พร้อมด้วยทายาททั้ง 2 คน เด็กชายวัย 12 ปี และเด็กหญิงวัย 8 ขวบนางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย เริ่มต้นด้วยการกล่าวว่าปีนี้เป็น ปีที่ยากลำบากอย่างยิ่งสำหรับอิสราเอล และชาวไทยทั้ง 39 ครอบครัวที่ต้องสูญเสียผู้เป็นที่รักในเหตุโจมตี 7 ต.ค. พร้อมย้ำว่า ต้องการส่งสารให้กำลังใจว่าไม่ได้เผชิญความมืดมนเพียงลำพัง ท่านทูตยังเผยว่ารัฐบาลอิสราเอลช่วยเหลือด้านการเงินแก่ครอบครัวผู้สูญเสียให้บิดา-มารดา ทุกเดือนจนกว่าจะเสียชีวิต ขณะที่คู่สมรสจะได้รับเงินช่วยเหลือตลอดชีวิตเช่นกันแม้ว่าจะแต่งงานใหม่ รวมทั้งเงินช่วยเหลือบุตรจนอายุครบ 21 ปี นอกเหนือจากเงินชดเชยจากภาคเอกชนด้านนางนริสราเผยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่าทั้งตัวเธอและสามีสมัครไปทำงานการเกษตรที่อิสราเอลด้วยกันทั้งคู่ และเธอได้รับโอกาสก่อน แต่สามีขอเดินทางไปก่อนเพื่อดูช่องทางการทำงานและความเป็นอยู่ กระทั่งวันเกิดเหตุ สามีโทร.มาตั้งแต่เช้า ผิดจากที่มักจะโทร.มาช่วงเที่ยง จึงรู้จากสามีว่ามีคนร้ายเข้ามากราดยิงในแคมป์คนงานเนปาล แต่ถูกทหารอิสราเอลขับไล่ไปได้ โชคร้ายที่ฮามาสกลับมาลงมือรอบ 2 ที่แคมป์คนงานไทยจนเกิดเหตุสลดในที่สุดก่อนเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดบุรีรัมย์ นางนริสราขอบคุณความช่วยเหลือจากรัฐบาลอิสราเอล รวมทั้งรัฐบาลไทยที่มอบเงินจำนวน 40,000 บาท ให้เป็นค่าจัดการงานศพของสามี ขณะที่ยังทิ้งท้ายว่า ไม่อยากให้เกิดความสูญเสียเช่นนี้กับครอบครัวใดก็ตาม.คลิกอ่านคอลัมน์ "หน้าต่างโลก" เพิ่มเติม