มนุษย์นีแอนเดอร์ธัล (Neanderthals) อาศัยอยู่ทั่วเทือกเขาในยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชียกลางเป็นเวลาราว 300,000 ปี และสูญพันธุ์ไปอย่างลึกลับเมื่อช่วง 40,000 ปีก่อน เพียงไม่กี่พันปีหลังจากมนุษย์โฮโมเซเปียนส์ ที่เป็นบรรพบุรุษมนุษย์เรามาถึง แต่การวิเคราะห์ดีเอ็นเอหรือสารพันธุกรรมจากมนุษย์ในปัจจุบันเผยให้เห็นว่า ในช่วงเวลาประมาณ 30,000 ปีที่แล้ว มนุษย์นีแอนเดอร์ธัลและโฮโมเซเปียนส์ เจอะเจอกันเป็นครั้งคราว และผสมพันธุ์กัน ทว่ารูปร่างหน้าตาของมนุษย์นีแอนเดอร์ธัล ก็ยังเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์สงสัยว่าเป็นอย่างไร เมื่อเร็วๆนี้ ทีมนักโบราณคดีนำโดยนักมานุษยวิทยาจากภาควิชาโบราณคดี มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในอังกฤษ เผยการสร้างใบหน้าของมนุษย์นีแอนเดอร์ธัลขึ้นมาใหม่ โดยอาศัยซากกระดูกและกะโหลกศีรษะมนุษย์สายพันธุ์นี้ ที่ค้นพบในถ้ำชานิดาร์ (Shanidar) ดินแดนของชาวเคิร์ดตั้งอยู่ในบริเวณทางตอนเหนือของอิรัก ในปี 2561 ถูกระบุว่าเป็นของมนุษย์นีแอนเดอร์ธัลเพศหญิงวัย 40 กว่าๆ ถูกฝังอยู่ในถ้ำดังกล่าวเมื่อ 75,000 ปีก่อน ได้รับการตั้งชื่อว่า ชานิดาร์ ซี (Shanidar Z) ทีมงานที่ศึกษาซาก ชานิดาร์ ซี เผยว่า ได้พยายามประกอบกะโหลกศีรษะของเธอ จากเศษกระดูกของกะโหลกจำนวน 200 ชิ้นเข้าด้วยกัน กระบวนการทำมานาน 9 เดือน โดยใช้รูปทรงของใบหน้าและกะโหลกศีรษะเพื่อเป็นแนวทางในการทำความเข้าใจว่า ชานิดาร์ ซี จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ส่วนกะโหลกที่สร้างขึ้นใหม่นั้นถูกพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ เพื่อให้นักบรรพชีวินวิทยาในเนเธอร์แลนด์สามารถสร้างชั้นของกล้ามเนื้อและผิวหนังขึ้นมาใหม่ นักโบราณคดีเผยว่า กะโหลก ศีรษะของมนุษย์นีแอนเดอร์ธัลดูแตกต่างอย่างมากกับมนุษย์ยุคใหม่ โดยมีสันคิ้วขนาดใหญ่และแทบจะไม่มีคาง.