รู้กันมาสักพักแล้วว่า รัฐนิวยอร์ก ในสหรัฐอเมริกา กำลังเจอวิกฤติผู้อพยพล้นเมือง และทางการก็เร่งที่จะแก้ปัญหาดังกล่าว เพราะเมื่อผู้คนแห่แหนเข้ามา ก็ต้องมีมาตรการรองรับ แน่นอนว่าต้องให้ที่พักอาศัย อาหารประทังชีวิต และหางานให้ทำมาหากินเลี้ยงชีพตนเองได้สื่อในสหรัฐฯ เองก็ไม่พลาดตามสอดส่องว่าภาครัฐแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร เช่น นิวยอร์ก โพสต์ หรือ ฟ็อกซ์ นิวส์ ล่าสุดรายงานว่าโรงแรมดังอย่าง สแควร์ โฮเทล บรรจุ 141 ห้องพัก บนถนน West 50th อยู่ตรงข้ามโรงละครเกิร์ชวิน ที่ติดอันดับโรงละครบรอดเวย์ที่ไม่ควรพลาดเข้าชมละคร ได้แปลงเป็นที่พักพิงแก่ผู้อพยพมานานกว่า 1 ปี โรงแรมนี้ครั้งหนึ่งเคยมีร้านอาหารญี่ปุ่น บาร์ที่ล็อบบี้ มีการตกแต่งที่หรูหรา ขณะนี้แทบไม่เหลือคราบของเดิม แถมมีทหารกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิประจำการอยู่ทางเข้าล็อบบี้ ซึ่งมีรายงานว่านักท่องเที่ยวขาจรที่ไม่รู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ กะเช่าโรงแรมนี้ไว้พักกายา มีอันต้องระเห็จออกมาโดยกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิพาออกไป หรือโรงแรมรูสเวลต์อันเก่าแก่ ใกล้กับสถานีแกรนด์เซ็นทรัล ก็ดัดแปลงให้เป็นศูนย์พักพิงและศูนย์รับผู้อพยพขนาดใหญ่กลายเป็นว่า “บอร์ดเวย์” เพียงแห่งเดียวในโลกและคนนิวยอร์กถือว่าเป็นกุญแจสำคัญต่อเศรษฐกิจของเมือง กลายเป็นสวรรค์ของผู้อพยพไปเรียบร้อยแล้วสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับโรงแรมในนิวยอร์ก ก่อเสียงวิจารณ์ขรมจากผู้คน และแสดงความไม่พอใจต่อทางการนิวยอร์ก ว่าน่าเศร้าที่เมือง และอุตสาหกรรมโรงแรมกำลังเปลี่ยนย่านบรอดเวย์ให้กลายเป็นย่านผู้อพยพ ขณะนิโคลเจลินาส นักวิจัยจากสถาบันแมนฮัตตัน เผยว่าโรงแรมเหล่านี้อาจทำธุรกิจท่องเที่ยวได้ดีในตอนนี้ แต่พวกเขาดันขี้เกียจ เพราะมีอัตราการเข้าพักในเมืองที่แน่นอน 100% โดยไม่ต้องให้บริการในลักษณะเดิมส่วนที่ผู้อพยพหลายแสนคนมุ่งมานิวยอร์ก ก็เป็นผลจากโครงการ Bussing Program ที่เริ่มในปี 2565 โดยทีมบริหารของนายเกร็ก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสจากพรรครีพับลิกัน ที่จะขนผู้อพยพมากกว่า 102,000 คน ไปยังเมืองอื่นๆ เช่น ชิคาโก เดนเวอร์ ฟิลาเดลเฟีย ลอสแอนเจลิส และวอชิงตัน ดี.ซี. ผู้ว่าฯแอบบอตต์ ระบุว่าทำเพื่อป้องกันไม่ให้เท็กซัสต้อง “แบกภาระ” ที่กำหนดโดยผู้สนับสนุนการเปิดพรมแดนในส่วนอื่นๆของประเทศ!ภัค เศารยะคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม