เมื่อวันที่ 14 พ.ย. หรือก่อนหน้าการประชุมสุดยอดผู้นำประเทศระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ชาติ หรือจี 20 ที่เกาะบาหลี อินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 15-16 พ.ย. นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้จัดการประชุมนอกรอบร่วมกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ท่ามกลางการจับตาจากทั่วโลก หลังความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศอยู่ในสภาพมึนตึง โดยเฉพาะประเด็นความมั่นคงช่องแคบเกาะไต้หวันทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายสี จิ้นผิงยืนรอนายไบเดนที่จุดถ่ายรูปร่วม โดยนายไบเดนเป็นฝ่ายเดินเข้าหานายสี จิ้นผิงที่ยืนอยู่กับที่ จากนั้นนายสี จิ้นผิงจึงก้าวเท้าเข้าหา 1 ก้าวและจับมือทักทายกัน ก่อนที่นายสี จิ้นผิงจะปล่อยมือและทิ้งมือลงข้างตัวและนายไบเดนเอื้อมมือไปในลักษณะแตะหลังนายสี จิ้นผิงขณะที่บรรยากาศในห้องประชุมต่อมา นายสี จิ้นผิงกล่าวเปิดหารือว่า ยินดีที่ได้พบท่านประธานาธิบดี เราพบกันครั้งสุดท้ายที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อกว่า 5 ปีก่อน และเมื่อท่านดำรงตำแหน่งผู้นำ เราได้มีการสนทนาทางออนไลน์หลายครั้ง แต่อะไรก็สู้การพบปะต่อหน้าไม่ได้ ประวัติศาสตร์ถือเป็นตำราเรียนที่ดีที่สุด ดังนั้น เราควรใช้ประวัติศาสตร์เป็นกระจกเงา ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนในตอนนี้กำลังมีสถานการณ์และเราเป็นห่วงมาก ซึ่งในฐานะผู้นำของสองชาติใหญ่ เราควรกำหนดทิศทางที่ถูกต้อง โลกคาดหวังว่าเราจะบริหารความสัมพันธ์อย่างเหมาะสมและเราควรทำงานร่วมกับทุกประเทศเพื่อสันติภาพโลกด้านนายไบเดนกล่าวด้วยว่า เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีน เห็นด้วยในเรื่องที่การพบหน้าไม่มีอะไรมาแทนได้ สหรัฐฯมุ่งมั่นในการเปิดช่องทางติดต่อกับจีน เพื่อที่ทั้งสองประเทศจะได้ทำงานร่วมกันในเรื่องเร่งด่วนระดับโลก ซึ่งรวมถึงสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงและสภาพความไม่มั่นคง โลกคาดหวังให้เราทำงานเป็นหุ้นส่วนกันสำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า ประเด็นที่สองผู้นำหารือในการประชุมยังรวมถึงประเด็นความกังวลของสหรัฐฯที่มีต่อไต้หวัน สงครามในยูเครน และความทะเยอทะยานทางนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ขณะที่ก่อนหน้าหารือ นายไบเดนเปิดเผยว่า จะไม่ยอมถอยให้นายสี จิ้นผิง ในเรื่องที่เป็นรากฐานสำคัญ พร้อมต้องการให้มีการกำหนด “เส้นแดง” หรือจุดที่ไม่มีใครควรก้าวล้ำ เพื่อคลี่คลายความขัดแย้ง.