จากตอนที่แล้ว ปัญหาด้านการส่งกำลังบำรุงที่เกิดขึ้นกับหน่วยรบในแนวหน้าย่อมส่งผลต่อเนื่องไปยังระดับยุทธการอย่างหลีกหนีไม่พ้น ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ การรบเหนือดินแดนยูเครนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งไม่เฉพาะแต่ฝ่ายกองทัพนาซีเยอรมนี แต่ยังรวมถึงกองทัพแดงสหภาพโซเวียตด้วยเช่นกันในช่วงปี 2486 ปฏิบัติการตีโต้ขนานใหญ่ ของรัสเซียดูเหมือนจะไร้การหยุดยั้ง หลังจากความสำเร็จในการบดขยี้กองทัพที่ 6 เยอรมนีในสมรภูมิสตาลินกราด (วอลโกกราดในปัจจุบัน) กองทัพแดงสามารถทวงคืนดินแดนเป็นระยะทางกว่า 800 กิโลเมตร สามารถผลักดันหน่วยรบเยอรมนีล่าถอยไปในตอนกลางของยูเครน พร้อมปักธงเหนือเมืองยุทธศาสตร์สำคัญอย่างคาร์คอฟ (คาร์คิฟในปัจจุบัน)อย่างไรก็ตาม การบุกตีโต้อย่างไม่หยุดหย่อน ตามกลยุทธ์ของกองทัพแดงเรียกว่า “การทะลวงลึก” (Deep Battle) หรือการบดขยี้ข้าศึกลึกเข้าไปในหลังแนวรบ ได้สร้างภาระมหาศาลต่อระบบโลจิสติกส์ การส่งเสบียงเริ่มตามการบุกไม่ทัน จึงเป็นช่องสบโอกาสของเยอรมนี ดำเนินปฏิบัติการภายใต้รหัส “ตบด้วยหลังมือ” แบค แฮนด์ โบลว์ ตีขนาบจากเหนือ-ใต้ ถล่มกองพลรัสเซียที่บุกเข้ามาลึกเกินไป ก่อนสร้างโมเมนตัมบุกต่อหลังจากบดขยี้ ผลักดันกองทัพแดงกลับไปยังพรมแดนยูเครน ยึดครองเมืองคาร์คอฟกลับมาอยู่ใต้ธงนาซีอีกครั้งและนำไปสู่ปฏิบัติการบุกฤดูร้อนครั้งใหญ่ภายใต้รหัส “ซิทาเดล” ของเยอรมนี (สมรภูมิเมืองเคียร์สก์) ที่พบกับความปราชัยย่อยยับ หลังถ่วงเวลาปฏิบัติไว้นานเกินไปเพื่อรอยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่ จนกองทัพแดงมีเวลาปรับกระบวนทัพ ตั้งแนวรับใหม่ พร้อมรวบรวมกำลังพลที่สดใหม่กว่าไว้ตีโต้ตอนที่กำลังบุกของเยอรมนีอ่อนแรงลง โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลให้กองทัพเยอรมนีไม่สามารถบุกครั้งใหญ่ได้อีกจนกระทั่งจบสงครามสงครามสิ้นสุดไป 77 ปี ดินแดนยูเครนได้กลายเป็นสนามรบใหญ่อีกครั้ง ขณะที่ปัญหาโลจิสติกส์ก็หวนกลับมาซ้ำรอย...หน่วยรบรัสเซียทะลวงลึกเกินไป เสบียงขาดแคลน จนต้องล่าถอยจากการปิดล้อมกรุงเคียฟ ปรับกระบวนทัพใหม่ ส่วนยูเครนก็มีรายงานว่า หลังจากนี้อาจต้องใช้อาวุธชาติตะวันตกเพียงอย่างเดียว หลังเสบียงกระสุนสำหรับยุทโธปกรณ์ยุคโซเวียต-รัสเซียถูกทำลายหรือใช้งานไปจนหมดคลังเรียบร้อย อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป งานนี้ต้องติดตามอย่างกระชั้นชิดครับ.ตุ๊ ปากเกร็ด