เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เพราะในช่วงสัปดาห์นี้เมื่อ 1 ปีที่แล้ว ประเทศ “รัสเซีย” ได้มีการเฉลิมฉลองวันที่ 10 ก.พ. รำลึกบทบาทสำคัญของบรรดาผู้ที่ปฏิบัติงานด้าน “การทูต”และในโอกาสของงานฉลองปีนี้ ทีมข่าวต่างประเทศหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ จึงได้รับเกียรติให้เข้าสัมภาษณ์พิเศษ “เยฟกินี โทมิคิน” เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทยอีกครั้ง หลังจากต้อง “รักษาระยะห่าง” กันไปพอสมควร เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงโดยงานนี้ ทูตโทมิคิน กล่าวว่า นอกจากเป็นวันฉลองนักการทูตรัสเซียแล้ว ปีนี้ยังถือเป็นปีครบรอบ 125 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-รัสเซีย ด้วยเช่นกัน ซึ่งการที่ได้มาประจำตำแหน่งในประเทศไทยเป็นเวลาหลายปีนั้น ต้องบอกว่าทุกอย่างน่าสนใจหมด ได้สัมผัสถึงความหลากหลายในด้านต่างๆ ถามว่าชอบอะไรน้อยที่สุด ปัญหารถติด? ผมมองว่า นี่แหละคือชีวิต สุดท้ายก็ถึงจุดหมายเองสิ่งที่สำคัญผมอยากให้ชาวไทยรับรู้ว่า คนรัสเซียชอบประเทศไทยมาก สถิตินักท่องเที่ยวรัสเซียที่มาเมืองไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อยู่ที่กว่า 1.5 ล้านคนต่อปี ในช่วงก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาด แม้ตอนนี้จะหายไปเนื่องจากมาตรการการเดินทางต่างๆ แต่ในที่สุดเชื่อว่าทุกอย่างก็จะกลับมาเหมือนเดิม เพราะอย่างในช่วงเดือน ม.ค. จำนวน ชาวรัสเซียที่มาเที่ยว จ.ภูเก็ต ก็กว่า 40,000 คน ซึ่งอีกไม่นานจะมีการเพิ่มเที่ยวบินอีก 3 เที่ยวจากรัสเซีย ขณะที่ในสัปดาห์หน้า เราก็จะมีการเปิดสำนักงานกงสุลเป็นแห่งที่ 5 ใน จ.เชียงใหม่ เพิ่มเติมจาก กทม. ภูเก็ต พัทยา สมุย เนื่องจากในระยะหลัง ชาวรัสเซียสนใจการท่องเที่ยวในพื้นที่ภูเขาของไทยมากขึ้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การพักผ่อนชมหาดทรายขาวในปี 2565 นี้ สถานเอกอัครราชทูตรัสเซียมีแนวคิดมากมายที่อยากจะนำเสนอให้ชาวไทยได้รับรู้เกี่ยวกับรัสเซีย โดยเฉพาะด้านวัฒนธรรม ศิลปะ บัลเลต์ ภาพยนตร์ แต่ปัญหาคือรอดูสถานการณ์การแพร่ระบาด ที่อาจกระทบต่อการจัดกิจกรรมหรือการจัดนิทรรศการ สำหรับในเรื่องเศรษฐกิจนั้น ไทยกับรัสเซียมีมูลค่าการค้าระหว่างกัน ประมาณ 2,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 95,200 ล้านบาท แต่เรากำลังประสานงานกันอยู่กับรัฐบาล ว่าจะทำอย่างไรให้พุ่งถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 340,000 ล้านบาทนอกจากนี้ ทูตโทมิคินยังเปิดโอกาสให้สอบถามถึงเรื่อง “ความมั่นคง” เช่นกัน โดยให้ความเห็นว่า ไม่มีปัญหาอะไรที่ประเทศ ไทยสนใจซื้อยุทโธปกรณ์ของชาติตะวันตก อย่างกรณีที่มีข่าวไทยสนใจ เอฟ-35 ของสหรัฐฯ เพราะเราสองประเทศก็มีการซื้อขายกันอยู่แต่เดิมแล้ว อย่างเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงพล เอ็มไอ-17 พร้อมมีแผนการตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงเฮลิคอปเตอร์ของรัสเซียใน จ.ลพบุรี โดยหวังจะให้เป็นฮับ (Hub) ในระดับภูมิภาค อยากให้มองว่า รัสเซียมีไอเดียที่ต่างออกไป เราพร้อมที่จะหารือเจรจาในเรื่องต่างๆ ถ้าไทยสนใจยุทโธปกรณ์ของรัสเซียสำหรับกรณีสถานการณ์ความมั่นคงโลกกำลังคุกรุ่น หลังสหรัฐฯและพันธมิตรตะวันตก มองว่ารัสเซียจะปฏิบัติการรุกราน “ยูเครน” ในไม่ช้านั้น ท่านเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ได้ตั้งคำถามแก่ทีมข่าวอย่างจริงจัง ว่าถ้าเป็นคุณจะรู้สึกเช่นไร แน่นอนอาจจะฟังแถลงการณ์ของรัฐบาลรัสเซียกันมาเยอะแล้วว่า รัสเซียพร้อมจะให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯและกลุ่มพันธมิตรยุโรป แต่คำถามสำคัญคือ เป้าประสงค์ที่แท้จริงของเรื่องนี้...พูดว่าอย่างไรดี...การยั่วยุครั้งนี้คืออะไรมีรายงานกล่าวหาเต็มไปหมดว่า รัสเซียจะใช้กำลังเท่าใด จะบุกอย่างไร จะเกิดความสูญเสียมากน้อยเพียงใด...จินตนาการบ้ามาก พูดมาอย่างนี้ต้องการอะไร อยากจะรบกับรัสเซียหรือ ผมมั่นใจว่าทุกวันนี้ไม่มีใครอยากสู้รบ โดยเฉพาะกลุ่มชาติยุโรปพวกเขามีชีวิตที่สะดวกสบาย ไม่มีใครอยากตายหรอก ดังนั้นเป้าหมายคืออะไร ต้องการให้คนรัสเซียตายให้หมดงั้นหรือ สำหรับเราแล้วสิ่งที่อยากได้คือ สภาพแวดล้อมที่ปกติ เพื่อการพัฒนาประเทศจุดยืนของรัสเซียตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา คือไม่พอใจที่กองกำลังขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ห้อมล้อมอยู่รอบๆ พรมแดนรัสเซีย ขณะที่กำลังทหารของรัสเซียที่มีรายงานว่ามีจำนวนเท่าใดๆนั้น ก็คือกิจการภายในของเรา เราเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศของเรา ลองคิดกลับกันว่า ประเทศไทยมีใครมาถามหรือไม่ ว่าไทยจะทำอะไรรึ ทำไมมีทหารใกล้พรมแดนเมียนมา ไม่มีเลยเพราะเป็นเรื่องกิจการภายใน และทีทหารนาโตซ้อมรบใน “เอสโตเนีย” ซึ่งอยู่ห่างจาก “นครเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก” ไปเพียง 130 กิโลเมตร ทำไมถึงทำได้ด้วยเหตุนี้จึงขอสรุปว่า เรื่องเกี่ยวกับยูเครนทั้งหมดนี้ ควรมองไปที่ “สหรัฐฯ” ว่าต้องการสกัดการพัฒนาของรัสเซียใช่หรือไม่ ผมมั่นใจว่าอเมริกาไม่อยากให้ใครเหนือกว่าแน่ เหมือนตัวอย่างเมื่อ 15-20 ปีก่อนสหภาพยุโรปถือเป็นคู่แข่งที่สำคัญ แต่ทุกวันนี้ก็ไม่ได้เข้มแข็งแล้ว เช่นเดียวกับกรณีของ “อาเซียน” เอง ที่อยากให้ลองคิดกันดูว่าในขณะนี้เป็นเช่นไร.วีรพจน์ อินทรพันธ์