สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์อัตราเงินเฟ้อในอังกฤษที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้สู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี โดยได้แรงหนุนจากราคาอาหาร เชื้อเพลิง เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้าและที่อยู่อาศัยที่ปรับตัวสูงมากขึ้น ส่งผลให้วิกฤติค่าครองชีพยิ่งรุนแรง กดดันให้ธนาคารกลางอังกฤษอาจต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เปิดเผย ตัวเลขเงินเฟ้อในเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว อยู่ที่ 5.4% ต่อปี เพิ่มขึ้นจาก 5.1% ในเดือน พ.ย.2564 และยังสูงที่สุด นับตั้งแต่เดือน มี.ค.2535 ที่ครั้งนั้นสูงถึง 7.1% และ เป็นอัตราที่สูงที่สุดในรอบทศวรรษ และหากเทียบเป็นรายเดือนจะเห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภคพุ่งขึ้น 0.5% แซงหน้าระดับที่นักเศรษฐศาสตร์เคยคาดการณ์ไว้ที่ 0.3% นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ด้วยว่าค่าก๊าซ ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมันจะสูงขึ้นถึง 50% ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค. ที่อาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อแตะระดับสูงสุด 7% ในเดือน เม.ย.ด้วยค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นยังทำให้นักวิเคราะห์มองว่ามีโอกาสมากกว่า 90% ที่ธนาคารกลางอังกฤษจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ โดยมองว่าน่าจะปรับเป็น 0.5% ในต้นเดือน ก.พ.นี้ ทำให้ต้องจับตาการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งต่อไปในวันที่ 3 ก.พ.อย่างใกล้ชิด หลังจากเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 0.25% ในเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา เป็นธนาคารกลางใหญ่แห่งแรกที่เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จากที่ต้องรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำในระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19ในขณะเดียวกันก็มีสัญญาณบ่งบอกว่าราคาค่าอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่ารายรับ ยังเกินขีดความสามารถทางการเงินของชาวอังกฤษจำนวนมาก ซึ่งนายริชาร์ด วอล์กเกอร์ ตัวแทนจากซุปเปอร์มาร์เก็ต“ไอซ์แลนด์” ชี้ว่าเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจของการใช้ธนาคารอาหาร หรือสถานสงเคราะห์ที่ให้ความช่วยเหลือด้านอาหารฟรี และยังระบุว่าซุปเปอร์มาร์เก็ตกำลังสูญเสียลูกค้า เพราะลูกค้าบางคน มีเงินสำหรับค่าอาหารเพียง 25 ปอนด์ (ราว 1,100 บาท) ต่อสัปดาห์ ขณะที่รัฐบาลอังกฤษยังมีแผนเก็บภาษีเพิ่มที่คาดว่าจะบังคับใช้ในเดือน เม.ย.นอกจากนี้อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นยังเป็นประเด็น ทางการเมืองสำหรับรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ที่กำลังถูกกดดันให้ลาออกจากกรณีฝ่าฝืนกฎโควิด ด้วยการร่วมงานปาร์ตี้ที่บ้านเลขที่ 10 ทำเนียบนายกรัฐมนตรี ขณะที่นายริชี สุนัก รมว.คลัง ยืนยันว่าที่ผ่านมารัฐบาลสนับสนุนงบ 12,000 ล้านปอนด์ (หรือ 538,379 ล้านบาท) ช่วยเหลือครอบครัวที่ประสบปัญหาทางการเงิน ด้านนายแพท แมคเฟดเดนที่ปรึกษากระทรวงการคลัง ได้เตือนว่าตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าวิกฤติค่าครองชีพในอังกฤษจะเลวร้ายมากยิ่งกว่าเดิมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า.