ชื่อที่พวกเผด็จการทหารพม่าประดิษฐ์ขึ้นมาตั้งแต่อดีตมีหลายชื่อ เช่น พรรคโครงการสังคมนิยมพม่า ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ ‘สภาปฏิวัติ หรือ The Revolutionary Council’ ตั้งขึ้นมาเมื่อ พ.ศ.2505 โดยมีนายพลเนวินเป็นประธานพวกปฏิวัติรัฐประหารสมัยนั้นตั้งสภากรรมกร (พ.ศ.2506) สภาชาวนา (พ.ศ.2507) องค์การเยาวชน หรือ Youth Organization (พ.ศ.2514) สภาประชาชน หรือ People’s Assembly (พ.ศ.2517)ตามด้วยสภาฟื้นฟูกฎหมายและระเบียบแห่งรัฐ หรือ State Law and Order Restoration Council (SLORC) เมื่อ 18 กันยายน 2531 เมื่อไม่ประสบความสำเร็จในการบริหารบ้านเมือง พวกเผด็จการทหารก็เปลี่ยนชื่อเป็นสภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ หรือ State Peace and Development Council (SPDC) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือการปกครองหลังจากที่คณะทหารซึ่งนำโดยพลเอกอาวุโสมินอ่องหล่ายยึดอำนาจเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ก็มีการตั้งชื่อรัฐบาลของตนว่า ‘คณะมนตรีการปกครองแห่งรัฐ’ ตั้งโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 419 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2551 คณะมนตรีฯ มีสมาชิก 11 คน โดยพลเอกอาวุโสมินอ่องหล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธาน และพลเอกโซวิน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นรองประธานสมัยนางซูจียังมีอำนาจ รัฐบาลพลเรือนของซูจีตั้งศูนย์ประนีประนอมและสันติภาพแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่เป็นกลไกหลักด้านการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลพลเรือนกับกลุ่มชาติพันธุ์ ยุคนั้น มีกองทัพของกลุ่มชาติพันธุ์บางแห่งมีสถานะเป็นกลุ่มก่อการร้าย เช่น กองทัพอาระกัน มีความสงสัยกันมานานแล้ว ว่ากองทัพพม่ากับกองทัพอาระกันมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน กองทัพพม่าอาจจะใช้กองทัพอาระกันทำงานเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลพลเรือนของนางซูจีตอนนี้ก็เห็นชัดแล้วครับ คณะมนตรีการปกครองแห่งรัฐ สั่งยุบศูนย์การประนีประนอมและสันติภาพแห่งชาติของนางซูจี และถอดชื่อกองทัพอาระกันพ้นจากสถานะการเป็นกลุ่มก่อการร้ายเพื่อให้เกิดความชอบธรรมในการรัฐประหารเพื่อใช้อ้างกับประชาชนพม่าและสังคมโลก คณะมนตรีการปกครองแห่งรัฐโยนข้อหาใส่นางซูจีและพวก โดยกล่าวหาว่า มีการทุจริตการเลือกตั้ง พ.ศ.2563 และนางซูจีทุจริตด้วยการรับเงิน 6 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ เช่นเดียวกับอดีตประธานาธิบดีวินมิ้นและรัฐมนตรีจากรัฐบาลพลเรือนอีกหลายคน “กองทัพจึงต้องยึดอำนาจ เพื่อจัดการเลือกตั้งให้อย่างถูกต้องยุติธรรมและส่งมอบอำนาจให้กับผู้ชนะเลือกตั้งในอนาคต”ติดตามความเคลื่อนไหวของนานาชาติ แทบทุกคน ทุกองค์กร และทุกประเทศไม่เชื่อข้อหาต่างๆที่คณะมนตรีการปกครองแห่งรัฐโยนใส่นางซูจี จึงช่วยกันกดดันให้กองทัพพม่าหยุดเข่นฆ่าประชาชน คืนอำนาจให้นางซูจี พวกทหารก็ส่งโฆษกของคณะมนตรีฯ และสภาบริหารแห่งรัฐออกมาบอกกับนานาประเทศว่า “ไม่จำเป็นที่พวกท่านจะต้องมากังวลกับสถานการณ์ในพม่า สมมติฐานต่างๆของพวกท่าน โดยเฉพาะของชาติตะวันตกไม่ถูกต้อง”ส่วนเรื่องที่หลายองค์กรไม่สบายใจที่ประชาชนพม่าถูกฆาตกรรมและโดนทำร้าย โฆษกของพวกคณะมนตรีฯบอกว่า “กองกำลังความมั่นคงมีระเบียบวินัย เราจะใช้กำลังเมื่อจำเป็นเท่านั้น ก็อาจจะมีการต่อยตีกันบ้าง แต่เป็นการกระทำของทั้งสองฝ่ายที่ยั่วยุกัน เราเคารพความเห็นของเพื่อนบ้านและของนานาประเทศ แต่เราก็จะเดินหน้าทำตามวัตถุประสงค์ที่เราตั้งกันไว้ตอนเข้ามายึดอำนาจ”ยังจำตอนที่คริสตีน ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ ผู้แทนพิเศษสหประชาชาติที่พูดคุยกับพลเอกโซวิน ซึ่งตอนนี้เป็นรองประธานคณะมนตรีการปกครองแห่งรัฐได้ไหมครับว่า “ขอให้ทหารเคารพสิทธิการชุมนุมอย่างสันติ ผู้ประท้วงต้องไม่ถูกแก้แค้น โลกกำลังจับตาอย่างใกล้ชิด รูปแบบการตอบโต้อย่างหนักหน่วงของพวกคุณอาจได้รับการตอบสนองที่รุนแรง”ในข่าวบอกว่าพลเอกโซวินอธิบายให้นางบูร์เกเนอร์เข้าใจ แต่การสื่อสารในหมู่ทหารพม่า ทหารพม่าบอกว่าไม่กลัวการถูกคว่ำบาตร “เราชินกับการถูกคว่ำบาตรและรอดมาได้” ต่อคำขู่ที่ว่าจะถูกโดดเดี่ยว ทหารพม่าว่อนคำตอบว่า “เราพร้อมจะอยู่แบบเหลือเพื่อนเพียงไม่กี่คน”นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com