สำนักงานสถิติแห่งชาติญี่ปุ่น เผยการฆ่าตัวตายในประเทศว่า เมื่อเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น เป็น 2,153 ราย เทียบกันแล้วสูงกว่ายอดตัวเลข ผู้เสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19 ในประเทศเสียอีกดังกรณีของ เอริโกะ โคบายาซิ ที่พยายามฆ่าตัวตาย 4 ครั้ง โดยครั้งแรกอายุเพียง 22 ปี เพราะปัญหาเงินเดือนไม่พอกับค่าใช้จ่าย จนปัจจุบันอายุ 43 ปี ซึ่งต้องเผชิญกับภาวะโควิด-19 ทำให้อาการเครียดกลับมา หลังถูกตัดเงินเดือน และเพื่อนของเธอจำนวนมากก็ถูกนายจ้างปลดออก“สังคมที่นี่เป็นที่ที่ผู้อ่อนแอสุดจะถูกตัดออกก่อนเป็นคนแรกเมื่อเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น”ขณะที่ผลการศึกษาทั่วโลก โดย CARE องค์กรช่วยเหลือระหว่างประเทศที่ไม่แสวงผลกำไร พบว่า ผู้หญิงเผชิญปัญหาที่ต้องท้าทายในช่วงโควิด–19 เพิ่มขึ้น 27% เทียบกับผู้ชายแล้วที่เพิ่มขึ้น 10% ส่วนใหญ่กังวลเรื่องรายได้ แล้วยิ่งกลุ้มใจกับเรื่องสุขภาพ ความเป็นอยู่ของลูกที่ยิ่งเป็นภาระหนักอึ้งของคนเป็นแม่เช่น อะการิ อายุ 35 ปี ที่ไม่ขอเผยชื่อจริง บอกว่า ลูกที่คลอดก่อนกำหนดของเธอเข้า รพ.มาได้ 6 สัปดาห์ ต้องเฝ้าดูแลเป็นห่วงตลอด 24 ชม. แม้ตัวเองไม่ได้มีประวัติป่วยทางจิตมาก่อน แต่ก็เห็นได้เลยว่าตัวเองกระวนกระวายใจอยู่ตลอดเวลา แล้วยิ่งมีสถานการณ์โควิด ก็ยิ่งเป็นห่วงว่าลูกจะติด ทำให้ตัวเองรู้สึกเหมือนไม่มีความหวังโกกิ โอโซระ นศ.หนุ่มที่ไปเป็นอาสาสมัครศูนย์ฮอตไลน์ปรึกษาสุขภาพจิต 24 ชม. บอกว่า ทุกวันนี้ต้องรับสายวันละกว่า 200 สาย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่สะดวกการส่งข้อความมากกว่าโทร.ไปปรึกษา ปัญหาคือเรื่องตกงานการเงิน และขัดแย้งภายในครอบครัว“ข้อความเหล่านี้จะส่งมาแทบทุกวัน และมีแต่เพิ่มขึ้น สาเหตุหลักก็มาจากโควิด-19 ที่เมื่อก่อนยังมีสถานที่ที่ไว้คอยหลบพักใจ เช่น โรงเรียน ออฟฟิศ หรือบ้านเพื่อน”จึงเป็นเรื่องของภาครัฐที่ต้องเร่งแก้กับปัญหาสังคมที่ผู้หญิงถูกกดทับ แล้วยังมาผนวกคูณสองกับไวรัสตัวร้าย...ฤทัยรัช จันทร์เพ็ญ